โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

Business Today Thai Politics 30 มิถุนายน 2568

Businesstoday

อัพเดต 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 9 ชั่วโมงที่ผ่านมา • Businesstoday

“นายกฯ แพทองธาร” เผยนั่งควบ รมว.วัฒนธรรม เร่งดันซอฟต์พาวเวอร์

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกระแสข่าวว่านายกรัฐมนตรีจะนั่งควบรัฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการการดำเนินการ ส่วนเหตุผลที่จะนั่งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมนั้น เพราะมีงานด้านซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมถือเป็นกระทรวงที่ ใครจะว่าเกรดบีเกรดซีก็ตาม แต่มองว่าเป็นกระทรวงที่สำคัญ สามารถแนะนำวัฒนธรรมของไทยได้จริงๆ เป็นการส่งออกซอฟต์พาวเวอร์ ของประเทศไทยได้

ดังนั้น จึงควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมด้วย ทั้งนี้ ก็จะไปดูในเรื่องของกระบวนการต่างๆ ที่จะสามารถผลักดัน วัฒนธรรมของไทยวัฒนธรรมของไทยด้านใดเพิ่มเติมได้บ้าง เพราะวัฒนธรรมของประเทศไทยมีความเข้มข้นค่อนข้างมากและหน้าที่จะมีการผลักดันอีกจำนวนมาก ซึ่งจะต้อง พูดคุยกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีคนรับตำแหน่งนี้ใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าให้รอดู ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการ แล้วก็จะเห็นชื่อทั้งหมด

ส่วนสาเหตุที่ นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เพราะว่านายกรัฐมนตรีกังวล เรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ กรณี 36 สว. เข้าชื่อยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรีจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฯ ฮุน เซน ซึ่งจะมีการพิจารณาในวันพรุ่งนี้ และอาจจะมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกัน แล้วจะมีการส่งผลลบหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีเห็นว่าทุกอย่างต้องเป็นเป็นไปตามกระบวนการ

ส่วนตัวยอมรับว่ามีความกังวล แต่ขณะนี้เน้นการทำงานของตนเองไม่อยากให้สะดุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำแพงภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจำเป็นจะต้องมีการเจรจากับต่างประเทศ มีรายละเอียดค่อนข้างมาก ดังนั้น ไม่อยากสะดุดการทำงาน ในเรื่องนี้และอยากทำให้มันดีที่สุด

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยถึงกรณีผลสำรวจความนิยมทางการเมืองที่ลดลงด้วยว่า ผลโพลจากทุกสำนัก ถือเป็นประโยชน์อยู่แล้ว ถ้าผลโพลมาดี ก็เป็นกำลังใจที่ดี เมื่อผลโพลไม่ดี ก็ต้องเตือนใจว่าให้สู้ต่อ และต้องทำงานให้เต็มที่และแสดงผลงานให้มีความชัดเจน พร้อมกับสื่อสารกับประชาชนให้ดียิ่งขึ้น เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องรับฟังอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นผลสำรวจจากสำนักใดก็ตาม

ส่วนกรณีการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (28 มิ.ย.) กลุ่มรวมพลังแผ่นดิน ปกป้องอธิปไตย ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมินั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การชุมนุมจะต้องอยู่ในกรอบที่ไม่ผิดกฎหมาย และอยู่ในแนวทางสันติวิธีก็ถือว่าเป็นสิทธิเสรีภาพอยู่แล้ว ดังนั้นหากไม่มีเรื่องของความรุนแรง ก็ถือว่าเป็นสิทธิในการชุมนุม ดังนั้นคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะมีอะไร

ครั้งนี้การชุมนุมจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของนายกรัฐมนตรี จนมีสมาธิหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า มีการเจาะจงเป็นเรื่อง ๆ แต่ทั้งนี้ทุกคนมีสิทธิ์แสดงออกอยู่แล้ว ส่วนตัวเน้นในเรื่องของการทำงาน เพราะเรื่องที่ดำเนินการอยู่ตอนนี้ ไม่สามารถรอได้สักเรื่อง เพราะฉะนั้นจะต้องมุ่งเน้นในการทำงาน ทุกเรื่องให้สำเร็จและจบ และเป็นไปอย่างต่อเนื่อง

“แพทองธาร” แถลงคดีตึกสตง.ถล่ม ชี้ออกแบบ-ก่อสร้าง ผิดกฎหมาย

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีอาคารที่อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จากแผ่นดินไหว

โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม /นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย / นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย / นายพงษ์นรา เย็นยิ่ง อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง / คณะวิศวกรรมศาสตร์ 4 สถาบัน ได้แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี เข้าร่วมประชุมด้วย

ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมง ก่อนนายกรัฐมนตรี จะแถลงผลการประชุว่า ผลการสืบสวนสอบสวนเป็นเอกภาพ ทุกสถาบันมีข้อมูลที่สอดคล้องกัน ทั้งนี้ ได้มีการหาข้อมูลเพิ่มเติมโดยการใช้เทคโนโลยีจำลองตึกและเปรียบเทียบกับแรงสั่นสะเทือนแผ่นดินไหว เพื่อหาสาเหตุอาคาร สตง. ถล่ม

โดยจากการรายงานของทั้ง 4 สถาบันเห็นได้ชัดว่าบกพร่องในการออกแบบและวิธีในการก่อสร้าง โดยเฉพาะ เทคนิคในการก่อสร้างในโครงการนี้ ในจุดผนังช่องลิฟท์ และ ผนังบันได หรือทางเทคนิคเรียกว่าผนังรับแรงเฉือน

ส่วนวัสดุเหล็ก หรือคอนกรีต เป็นวัสดุปกติที่ได้มาตรฐานโดยทั่วไป แต่การนำมาใช้ในโครงการนี้ เกิดปัญหาในเรื่องของคอนกรีตที่ไม่ได้มาตรฐาน โดยการนำคอนกรีตมาใช้ในวิธีการสร้างของโครงการนี้มีปัญหา

นายกรัฐมนตรียอมรับว่าหลายภาคส่วนมีความกังวล วัสดุที่ใช้เช่นนี้ ส่งผลต่อตึกอื่นๆ อย่างไร ซึ่งจากที่ได้รับรายงานในตอนนี้ มีการก่อสร้างในหลายหลายจุด ที่ไม่ได้เป็นไปตามกฏหมาย ทั้งการออกแบบและการก่อสร้าง และการวิจัยจำลองตึก ระบุว่า หากปฏิบัติตามกฏหมาย จะสร้างความแข็งแรงให้ตึกเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหากปฏิบัติตามกฏหมายตึกก็จะรับแรงสั่นสะเทือนได้มากกว่านี้

ซึ่งผลทั้งหมดเป็นไปตามการใช้หลักเทคโนโลยีล่าสุด โดยประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาก็ได้ใช้เทคโนโลยีนี้เช่นกัน เพื่อที่จะทราบคุณภาพของตึกจะรับกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้หรือไม่ ซึ่งไทยก็ได้นำมาใช้

นายกรัฐมนตรีย้ำอีกว่า โครงการอื่น ๆ ได้มีการตรวจสอบในด้านวัสดุก่อสร้างอย่างเคร่งครัด ไม่ได้มีปัญหาใด ๆ จึงอยากจะให้ประชาชนสบายใจเรื่องนี้มากขึ้น หลังจากนี้จะใช้ข้อมูลทั้งหมดที่ได้สรุปเป็นรูปเล่ม ภายใน 2 สัปดาห์ และส่งต่อให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการต่อไป

โดยนายกรัฐมนตรีย้ำอีกว่าปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากการออกแบบ และการก่อสร้าง ของโครงการนี้ที่มีปัญหา และไม่ได้เป็นไปตามกฏหมาย

ส่วนความเสียหายทั้งหมดจาก อาคารตึก สตง. ถล่มนั้น ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบนั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เรื่องนี้ผิดจากการออกแบบ และการก่อสร้างโครงการ ส่วนใครผิดและจะต้องรับผิดชอบทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษจะไปดำเนินการต่อ และเป็นผู้ชี้ ส่วนในวันนี้ถือว่าทราบข้อมูลทั้งหมดแล้ว ดังนั้นใครที่เกี่ยวข้องก็ว่าไปตามกฏหมาย

ขณะที่การสอบสวนตัวเหล็กไม่มีปัญหา แต่พบว่าคอนกรีตมีปัญหาใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ค่ะ พร้อมย้ำว่า ผู้เชี่ยวชาญได้แจ้งว่าเหล็กไม่ได้มีปัญหา แต่จะมีปัญหาในเรื่องของวัสดุอื่น ๆ ซึ่งการนำมาใช้ไม่ผิด แต่เมื่อนำมาสร้างในโครงการนี้ ถูกเฉือนให้บางลง ไม่เป็นไปตามกฎ จึงทำให้ มีมีความผิดเกิดขึ้น ส่วนตัวยอมรับว่ากังวลใจเรื่องนี้ เพราะมีของไม่ได้คุณภาพ และจะเกิดขึ้นกับโครงการอื่น ๆ ซึ่งจากข้อสรุปแล้วไม่ใช่ เป็นเรื่องที่เกิดเฉพาะโครงการนี้เท่านั้น

หากเป็นเรื่องการออกแบบผิดพลาด ดังนั้น สตง.ซึ่งเป็นจัดซื้อจัดจ้างโครงการนี้จะต้องรับผิดชอบด้วยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการต่อไป ว่าใครต้องรับผิดชอบ ในส่วนไหนบ้าง ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งการสอบสวนได้ดำเนินการมา 90 วัน โดยการการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย

ส่วนน้ำหนักการสอบสวน จะไปเอาผิดกับผู้ออกแบบ หรือผู้ดำเนินการก่อสร้าง นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ แต่เมื่อข้อมูลออกไปแล้วเชื่อว่ามีคนมองต่างมุม ส่วนไหนผิดหรือถูก ดังนั้นจึงอยากให้เข้ากระบวนการสืบสวนสอบสวนมากกว่า ซึ่งถือว่าเป็นกลางมากที่สุด แล้วชี้ว่าใครผิด เพราะตนเองไม่มีหน้าที่จะถือว่าใครผิด แต่เบื้องต้นทราบว่าเป็นการดำเนินการโดยผิดกฎหมาย

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะให้ความมั่นใจกับประชาชน ว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และไม่เงียบไป หากการเมือง นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าเรื่องนี้จะไม่เงียบอย่างแน่นอน และจะมีการสรุปผลรายงานภายใน 2 สัปดาห์ เพราะคิดว่า 90 วันในการสืบสวน ประชาชนยังรอเรื่องนี้อยู่ว่าสาเหตุที่ตึกสอตองถล่มเกิดจากสาเหตุใด ซึ่งวันนี้ถือว่าได้คำตอบแล้ว และเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ หลังจากนี้ก็ว่าไปตามกระบวนการกฎหมาย

“สรวงศ์” ชี้โควตารองประธานสภาคนที่ 2 ไม่จำเป็นต้องเป็นของเพื่อไทย

ทำเนียบ วันนี้ (30 มิ.ย.) นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวว่า

สส.อีสานพรรคเพื่อไทยต้องการให้พรรคเพื่อไทยได้โควต้ารองประธานสภาคนที่ 2 ว่า มาจากไหน ตนยังไม่รู้เลยว่าข่าวนี้มาจากไหน ซึ่งตนในฐานะเลขาธิการพรรคไม่ได้รับการพูดคุยเรื่องนี้เลย แต่หากจะมีบ้างก็เดี๋ยวดู เพราะมีชื่อ สส.อีสานบางคนส่งมาให้ตน เพื่อแสดงเจตจำนงว่าอยากดำรงตำแหน่งดังกล่าวด้วยเช่นกัน แต่ต้องดูก่อน

นายสรวงศ์ กล่าวว่า ทั้งนี้หากดูตามโควต้าแล้ว เก้าอี้รองประธานสภาคนที่ 2 อาจจะไม่ใช่โควต้าของพรรคเพื่อไทยก็ได้ อาจจะเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล เมื่อถามว่า ตำแหน่งนี้จะต้อง เกลี่ยให้ สส.อีสานหรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่าต้องดูความเหมาะสม

เมื่อถามว่าทางพรรคกล้าธรรมก็จะมีการเสนอชื่อแข่งด้วยเช่นกัน นายสรวงศ์ ย้อนถามสื่อว่า “จริงหรอครับ กล้าธรรมเสนอแข่งด้วยหรอ” ก่อนกล่าวว่าเรื่องนี้ต้องมีการพูดคุยในพรรคร่วมรัฐบาลก่อนอยู่แล้ว แต่หากดูจากจำนวนและโควต้า ก็ต้องไปดู เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติ ตอนนี้เป็นพรรคอันดับ 2 ดังนั้นขอพูดคุยกันก่อน

เมื่อถามว่าจะมีการสลับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรจากนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่าไม่มีครับ

จบปัญหา “ปฏิทินประกันสังคม” บอร์ดสปส. ให้ทำต่อในปี 69

เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. นายษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี กรรมการประกันสังคม ฝ่ายผู้ประกันตน กล่าวว่า คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ดสปส.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า ที่ประชุมมีการพิจารณาเรื่องการจัดทำปฏิทินปี 2569 ว่าจำเป็นต้องมีการผลิตต่อหรือไม่ หรือจะมีการปรับสัดส่วนอย่างไร เพราะตอนนี้ด้านหนึ่งก็ยังมีคนเห็นว่าปฏิทินยังมีความจำเป็นและมีความต้องการอยู่

รวมถึงเรื่องของการบริหารจัดกาในช่วงของการเปลี่ยนผ่านการทำงาน หากยกเลิกทันทีเลยอาจจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้ บอร์ด สปส. จึงให้มีมติให้จัดทำปฏิทินปี 2569 ต่อ โดนมอบหมายให้อนุกรรมการและสำนักงานไปพิจารณาว่า จะมีการปรับรูปแบบ สัดส่วนให้เหมาะสมกับผลการรับฟังความก่อนหน้านี้ที่ 80 % เห็นว่าปฏิทินไม่จำเป็นแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีคนต้องการอยู่ จึงให้ปรับสัดส่วนให้เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อป้องกันเดตล็อคในการจัดซื้อจัดจ้าง และเพื่อความโปร่งใสมากที่สุด มีประสิทธิภาพมากที่สุด

“บอร์ดให้ดำเนินการทำปฏิทินได้ต่อไป เพราะมีคนที่มีความต้องการอยู่แต่ให้อนุกรรมการ และฝ่ายสำนักงานไปพิจารณาร่วมด้วยว่า จะกำหนดสเปคอย่างไร การจัดซื้อจัดจ้างให้มีความโปร่งใส ขณะเดียวกันก็ให้คำนึงถึงการปรับสัดส่วน ปริมาณให้มีความเหมาะสม สอดรับกับยุคปัจจุบัน” นายษัษฐรัมย์ กล่าว.

ป.ป.ช. เปิดบัญชีทรัพย์สินฯ “แสวง” เลขาฯ กกต. ครบ 3 ปี รวย 50 ล้าน ไม่มี หนี้

ป.ป.ช.วันนี้ ( 30 มิ.ย.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีดำรงตำแหน่ง 3 ปี เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2568 โดยนายแสวง ระบุสถานะสมรสกับนางรุ่งทิวา บุญมี แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 50,246,048 บาท เป็นของนายแสวง 28,280,675 บาท เป็นของคู่สมรส 21,965,156 บาท ไม่มีหนี้สิน

โดยทรัพย์สินของนายแสวง ประกอบด้วยเงินฝากในบัญชีธนาคารและสหกรณ์ออมทรัพย์องค์กรอิสระ จำนวน 4 บัญชี มูลค่ารวม 8,220,933 บาท เงินลงทุนในสหกรณ์ออมทรัพย์และกองทุน มูลค่ารวม 4,435,169 บาท ที่ดิน 1 แปลง ที่ ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เนื้อที่ 1 งาน 7.2 ตารางวา มูลค่า 107,200 บาท สิทธิและสัมปทาน มูลค่ารวม 4,915,121 บาท

รายการทรัพย์สินอื่นของนายแสวง มูลค่ารวม 10,602,250 บาท ประกอบด้วย พระเครื่อง 530 องค์ มูลค่า 8,627,450 บาท พระพุทธรูป 73 องค์ มูลค่า 98,400 บาท เครื่องเสียงและลำโพง มูลค่า 1,382,400 บาท แผ่นเสียง 800 แผ่น มูลค่า 400,000 บาท ภาพศิลปะ รูปละประมาณ 2,000 บาท จำนวน 6 รูป มูลค่า 12,000 บาท กระเป๋าหนัง เข็มขัด และแหวน 2 วง มูลค่า 82,000 บาท

นอกจากนี้ นายแสวงแจ้งว่า มีรายได้ต่อปีจากเงินเดือน 1,274,800 บาท เงินเพิ่มและเงินประจำตำแหน่ง 840,000 บาท เงินบำนาญ 120,000 บาท และมีรายจ่ายต่อปีรวม 820,000 บาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 500,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 120,000 บาท ค่าเลี้ยงดูบุตร 100,000 บาท ค่าท่องเที่ยว 50,000 บาท ทำบุญบริจาค 50,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแสวง เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินตอนเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2565 ว่ามีทรัพย์สินทั้งสิ้น 47,222,952 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินนายแสวง 20,032,356 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส 27,190,568 บาท

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก Businesstoday

เริ่มแล้ว! ใช้ประวัติจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟ ช่วยคนเข้าถึงสินเชื่อง่ายขึ้น

10 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ดาวโจนส์บวก 432.43 จุด คาดหวังเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน

16 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความยอดนิยม