กัมพูชาจงใจดึงมือที่สามบ่อนทำลายไทย 'ฮุน เซน'แปรพักตร์ซบอเมริกันเพื่อแทงข้างหลังจีน
เมื่อวันก่อนผมได้แสดงทัศนะเรื่องท่าทีของนักวิเคราะห์และสื่อจีนเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวที่ "น่าสงสัย" ของกัมพูชาทั้งๆ ที่เกี่ยวกับกรณีพิพาทกับไทยและการที่กัมพูชา "ก้มหัว" ให้กับรัฐบาลทรัมป์ด้วยการประกาศดีลการค้าเป็นประเทศที่สองในอาเซียนตามรอยเวียดนาม
โดยเฉพาะกรณีหลังทำให้ชาวจีนเริ่มตะหงิดๆ ว่า ฮุน เซน อาจจะกำลัง "ขายเพื่อจีนเพื่อแลกกับการเป็นคนโปรดของสหรัฐฯ" และ ฮุน เซน กำลังเอนเอียงไปทางสหรัฐฯ มากขึ้น
อีกครั้งที่ผมต้องย้ำว่า นี่ไม่ใช่ท่าทีของรัฐบาลจีน รัฐบาลจีนมักสงวนจุดยืนเรื่องของคนอื่น และรอบคอบกับการแสดงออกเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ แต่คนจีน สื่อจีน กุนซือออนไลน์ของจีนเริ่มทีจะแสดงออกชัดมากขึ้นในแต่ละวันว่า "กัมพูชาชักจะไม่น่าไว้ใจ"
ในวันนี้ก็ยังมีบทความจากจีนที่น่าสนใจ 2 บทความที่สะท้อนถึงความหงุดหงิดของจีนต่อกัมพูชาทั้งเรื่องที่ไปทะเลาะกับไทยและเรื่องที่ไปยอมศิโรราบกับสหรัฐฯ
บทความแรกมากจากสำนักข่าว Sina เรื่อง "ฮุนเซนไม่เคยฝันว่าไทยและจีนจะร่วมมือกัน ถึงเวลาแล้วที่กัมพูชาต้องออกมาแถลงการณ์" บทความนี้เน้นที่ความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนในการปราบปราม "รังสแกมเมอร์" โดยเฉพาะในเมียนมา
แต่ในกัมพูชาก็ยังมีรังพวกโจรออนไลน์พวกนี้อีกมากมายทที่กำจัดไม่หมดเสียที เพราะ 'ผู้ใหญ่' ในประเทศนี้คอยชุบเลี้ยงเอาไว้
บทความบอกว่า "เรื่องอื้อฉาวการบันทึกเสียง" ไม่สามารถโค่นล้มตระกูลทักษิณได้ แพทองธทารยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมของไทยได้สำเร็จ ตำแหน่งของเธอถูกแทนที่โดยภูมิธณรม ซึ่งสนับสนุนทักษิณ นี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ฮุน เซนไม่เคยฝันถึง แน่นอนว่ายังมีอีกหลายสิ่งที่ฮุน เซนไม่คาดคิด"
จากนั้นบทความได้เอ่ยถึงการประชุมร่วมระหว่างไทย จีน และเมียนมาที่กรุงเนปิดดอ ประเทศเมียนมาถึงความคืบหน้าในการกวาดล้ารังสแกมเมอร์ โดยเฉพาะที่เมียวดี ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และ The Better ได้รายงานเรื่องนี้ไปแล้วเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม บทความกล่าวว่า "เมื่อพูดถึงปัญหาการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่เพียงแต่เมียวดีที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างไทยและเมียนมาร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงภูมิภาคอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ภูมิภาคที่พบเห็นได้ทั่วไปที่สุดคือกัมพูชา กัมพูชาถูกเรียกขานว่าเป็น "สวรรค์ของการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์" (电诈天堂) โดยชุมชนนานาชาติเนื่องจากปัญหาการฉ้อโกงที่แพร่หลาย ฮุน เซนกล่าวถึงเรื่องนี้เมื่อครั้งที่เขาไปเยือนติมอร์ตะวันออกในเดือนพฤษภาคม อย่างไรก็ตาม เขาแสดงความ "เสียใจ" เกี่ยวกับปัญหานี้ในตอนนั้น ฮุน เซนเชื่อว่าประเทศที่เกี่ยวข้องควรเสริมสร้างการศึกษา กำจัดการฉ้อโกง และ "แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ" ฮุน เซนยังอ้างว่ากัมพูชาสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศและมุ่งมั่นที่จะต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติ"
แต่บทความนี้ได้ชี้ว่า "จากคำกล่าวของฮุนเซน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะพบว่าเขาพยายามโยนความผิดให้กับประเทศอื่น ๆ และลดความสำคัญของปัญหาการฉ้อโกงในกัมพูชา แต่เนื่องจากกัมพูชาถูกเรียกว่า "สวรรค์ของการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์" ซึ่งหมายความว่าน้ำแข็งหน้า 3 ฟุตไม่ได้แข็งตัวในวันเดียว (หมายถึงสิ่งนั้นไม่เกิดขึ้นชั่วประเดี๋ยวประด๋าว แต่เกิดจากการสั่งสมมานานแล้ว) ในกัมพูชาต้องมีปัญหาการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ร้ายแรงมาก"
จากนั้นบทความได้เรียกร้องต่อกัมพูชา (หรือจะเรียกว่าตำหนิก็ว่าได้) ให้เอาอย่างไทยกับเมียนมาที่จริงจังกับการกวาดล้างการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยบอกว่า
"ถึงเวลาที่กัมพูชาต้องแสดงจุดยืนของตน หากกัมพูชาต้องการถอดหมวกของการถูกตราหน้าว่าเป็น 'สวรรค์แห่งการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์' ก็ควรดำเนินการในประเด็นการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ท้ายที่สุด ฮุน เซนเองก็ยอมรับว่ากัมพูชามีปัญหา และกัมพูชาไม่สามารถขอให้คนอื่นแก้ไขปัญหาของตนเองได้ และเนื่องจากปัญหาการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์มีลักษณะข้ามพรมแดน … ขณะนี้ การดำเนินการร่วมกันของจีน เมียนมา และไทยได้บรรลุผลตามขั้นตอน ซึ่งถือเป็นการแสดงให้กัมพูชาเห็น หากกัมพูชาสามารถให้ความร่วมมือในการดำเนินการดังกล่าวได้ กัมพูชาก็จะสามารถทำลายรากฐานของอาชญากรรมได้มากขึ้น และกัมพูชาก็จะสามารถถอดตัวเองจากการเป็น 'สวรรค์แห่งการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์' ได้เช่นกัน"
โปรดทราบว่าในขณะที่มีการเผยแพร่บทความนี้ หลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนได้เดินทางไปยังกัมพูชาเพื่อ "หารือเรื่องความมั่นคง" แต่ผมเชื่อว่ามันคงไม่แคล้วหารอืเรื่องทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ด้วย ในขณะที่ลูกน้องของหลิวจงอี้เดินทางไปเมียนมา นี่ย่อมแสดงว่าปัญหาที่เมียนา "คลี่คลายลงแล้วระดับหนึ่ง" ถึงส่งลูกน้องไป ส่วนพี่ใหญ่หลิวจงอี้ต้องไปกัมพูชาด้วยตัวเอง นั่นแสดว่าปัญหารุนแรงเอาการ
บทความนี้ยังสะท้อนความเปลี่ยนแปลงในทัศนะของคนจีนต่อได้ดีเรื่องที่เคยมองว่าไทยและเมียนมากี่ยวข้องกับการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่หลังจากที่ไทยและเมียนมากับจีนร่วมมือกันแล้ว และทำการกวาดล้างได้สำเร็จ ปรากฏว่าคนจีนเริ่มไม่มองไทยในแง่ลบ (แต่ยังกังวลกับเมียนมา) นักท่องเที่ยวก็เริ่มมาไทยมากขึ้น แม้จะมีเรื่องการลักพาตัวชาวจีนไปเมียนมาอยู่ประปราย แต่ก็สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที และยังมีการประชุมติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
ผิดกับกัมพูชาที่แม้จะร่วมมือกับจีนมาก่อในการกวาดล้างการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ แต่แล้วก็ยังมีการล่อลวงผู้คนและดำเนินการเช่นนี้อยู่โดยมีข่าวในสื่อภาษาจีนทั้งในและนอกจรนอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการลวงผู้คนจากจีน ไต้หวัน ฮ่องกง และมาเลเซียไปเป็นทาสแรงงานสแกมเมอร์ในกัมพูชา และเหตุนี้เองที่ทำให้คนจีนเริ่มจะไม่อดทนกับกัมพูชาที่ไม่ยอมถอนตัวเองจากการเป็น 'สวรรค์แห่งการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์' และบทความนี้ก็ยังมอง ฮุน เซน ทำตัวแปลกแยกจากความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน
การที่ ฮุน เซน และกัมพูชาของเขา "ทำตัวแปลกแยก" ยังมีสื่อและนักวิเคราะห์จีนมองว่าเป็นเพราะฮุนและประเทศของเขากำลังขยับจากจีนไปซบอกสหรัฐอเมริกา
อีกบทความหนึ่งที่เผยแพร่ใน Sohu แสดงความสงสัยต่อกัมพูชาอย่างชัดเจน ชื่อบทความว่า "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน! ผู้ยิ่งใหญ่แห่งตะวันออก (หมายถึงจีน) จะรับมือกับการแปรพักตร์ของกัมพูชาและเวียดนามอย่างไร?"
บทความนี้เน้นที่การตกลงดีลทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับเวียดนามแล้วตามด้วยกัมพูชา ซึ่งคนจีน (ไม่ใช่รัฐบาลจีน) มองว่านี่คือการหักหลัง การแปรพักตร์ และการเปลี่ยนข้างของทั้งสองประเทศไปอิงกับสหรัฐฯ แทนที่จีน บทความเริ่มต้นว่า "สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา กัมพูชาและเวียดนามได้บรรลุข้อตกลงด้านภาษีศุลกากรกับสหรัฐฯ สำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแต่กระทบกระเทือนจิตใจของจีนเท่านั้น แต่ยังอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ตามมาอีกด้วย จีนจะรับมือกับความท้าทายนี้และป้องกันผลกระทบแบบปีกผีเสื้อที่เลวร้ายนี้ได้อย่างไร"
จากนั้นบทความได้ตั้งคำถามเรื่องกัมพูชาว่า "การกระทำของ (อดีต) นายกรัฐมนตรี ฮุน เซนของกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมาทำให้ผู้คนสงสัยในเจตนารมณ์ที่แท้จริงของฮุน เซน ไม่เพียงแต่ก่อความวุ่นวายในประเทศไทยและก่อให้เกิดความขัดแย้งบริเวณชายแดนเท่านั้น แต่ยังถูกสงสัยว่าจงใจให้สหรัฐฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวและทำให้จีนลำบาก การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าใจผิดว่าจีนไม่มีอำนาจที่จะช่วยเหลือพันธมิตรในการแก้ปัญหา"
ท่าทีของบทความนี้ค่อนข้างรุนแรง แต่ถ้าหากสำรวจความเห็นของชาวจีนในโซเชียลมีเดียวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวต่างๆ ของกัมพูชาทั้งเรื่องพิพาทกับไทยและเรื่องสงครามภาษี ท่าทีของคนอื่นๆ กับผู้เขียนบทความนี้ดูจะไม่ต่างกันนัก
บทความบอกว่า "การแปรพักตร์ของกัมพูชาและเวียดนามอาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ระหว่างประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศเหล่านี้อาจคิดว่าจะไม่มีการลงโทษที่รุนแรงสำหรับการทรยศต่อผลประโยชน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจของจีน สิ่งนี้จะทำให้ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถอยห่างจากจีนและเข้าใกล้สหรัฐฯ มากขึ้น ส่งผลให้รูปแบบยุทธศาสตร์ของจีนในภูมิภาคนี้เสื่อมถอยลง "
แน่นอนว่าบทความนี้เน้นที่การ "แปรพักตร์" ของเวียดนามและกัมพูชาที่อาจส่งผลกระทบต่อยุทธศาสตร์ของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่การบ่อนทำลายยุทธศาสตร์ของจีนไม่ใช่แค่การที่กัมพูชา "คุกเข่า" ให้สหรัฐฯ เท่านั้น แต่เพราะคนจีนสงสัยว่า ฮุน เซน พยายามดึงสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องในกรณีพิพาทกับไทย ซึ่ง "การกระทำดังกล่าวไม่เพียงแต่ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างจีนและไทยเท่านั้น"
ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชานั้นควรเป็นเรื่องของสองประเทศ แม้แต่จีนก็ยังไม่เข้ามายุ่มย่าม มีแต่กัมพูชาเท่านั้นที่ตอนนี้ถูกคนจีนสงสัยว่าจะเอามือที่สามเข้ามายุ่งเกี่ยว และมือที่สามที่ว่านั้นจะก่อให้เกิดผลเสียต่อยุทธศาสตร์ของจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งสองบทความนี้ บทความหนึ่งชี้ว่ากัมพูชาอาจจะกำลังชิ่งจากจีน และอาจจะใช้กรณีพิพาทกับไทยบ่อนทำความความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทย (ในแง่การเมือง)
อีกบทความหนึ่งชี้ว่า กัมพูชาควรจะเลิกทำตัวเป็น 'สวรรค์แห่งการฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์' ซึ่งเป็นตัวบ่อนทำลายจีนเหมือนกัน (ในแง่สังคม) และควรจะดูไทยกับเมียนมาเป็นตัวอย่างที่จริงจังกับการทำลายรังสแกมเมอร์
ผมอยากจะบอกคนจีนว่า พวกชนชั้นนำในกัมพูชานั้นไม่ได้ภักดีต่อใครแม้ประเทศตัวเอง เพราะหากรักชาติบ้านเมืองของตัวเองจริง ก็คงไม่ปล่อยให้สแกมเมอร์กับพวกสีเทาอยู่กับอย่างไร้กังวล นั่นเพราะพวก 'อีลีทเขมรต่ำ' นั้นเห็นแก่ผลประโยชน์และอำนาจเหนือสิ่งอื่นใด
พวกนี้ไม่สนใจว่าจะต้องรบกับไทยหรือไม่ หรือจะทำลายความสัมพันธ์กับจีนหรือไม่ หรือสนใจหรือไม่ที่โลกประณามว่าเป็น 'สแกมโบเดีย'
ต่อให้คนจีนเขียนบทความวิจารณ์กัมพูชาและด่าฮุน เซน ทุกวันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
คนไทยรู้ดีครับ เพราะเราด่าเช้าด่าเย็นให้แกัปัญหาสแกมเมอร์เสียที ก็ไม่เห็นฝ่ายนั้นจะสำนึกอะไร
บทความทัศนะโดย กรกิจ ดิษฐาน ผู้ช่วยบรรณาธิการบริหาร และบรรณาธิการข่าวต่างประเทศ The Better
Photo by BAY ISMOYO / AFP