"ฮุน มาเน็ต" คุย "ทรัมป์" ยืนยัน "กัมพูชา" เห็นด้วยหยุดยิงทันที หวังยุติศึกชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อวันที่ 27 ก.ค.68 นายฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความระบุว่า “ผมได้สนทนาทางโทรศัพท์กับท่านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เกี่ยวกับความขัดแย้งด้วยอาวุธในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ในระหว่างการสนทนา ท่านประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยืนยันถึงเจตนารมณ์ของท่านที่ไม่ต้องการเห็นสงครามหรือการสู้รบที่นำไปสู่การสูญเสียชีวิตและบาดเจ็บของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือพลเรือน
ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงพยายามอย่างต่อเนื่องในการประสานงานและประสบความสำเร็จในการยุติความขัดแย้งในหลายประเทศทั่วโลก เกี่ยวกับการสู้รบระหว่างกองทัพกัมพูชาและกองทัพไทย ท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการเห็นการหยุดยิงทันทีและสันติภาพระหว่างทั้งสองประเทศ
ในการตอบสนอง ผมได้ยืนยันอย่างชัดเจนต่อท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า กัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอให้มีการหยุดยิงทันทีและโดยไม่มีเงื่อนไข ระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย โดยที่จริงแล้ว ผมเคยยืนยันจุดยืนนี้กับท่านอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานหมุนเวียนของอาเซียน เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา
เป็นข่าวดีที่ผมได้รับจากท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ว่า หลังจากที่ท่านได้หารือกับท่านภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ฝ่ายไทยก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของท่านประธานาธิบดีเกี่ยวกับการหยุดยิงทันทีเช่นกัน นี่เป็นข่าวดีสำหรับกองทัพและประชาชนของทั้งสองประเทศ
ผมหวังว่าฝ่ายไทยจะไม่เปลี่ยนจุดยืนนี้อีกครั้ง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ภายใต้การประสานงานของท่านอันวาร์ อิบราฮิม
ผมได้มอบหมายให้ท่านปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ดำเนินการต่อในเรื่องนี้ โดยหารือกับท่านมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อประสานงานกับฝ่ายไทย เพื่อให้สามารถดำเนินการตามหลักการที่ตกลงกันไว้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยยุติการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหารและประชาชนทั้งสองฝ่าย
ผมขอขอบคุณท่านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ริเริ่มและประสานงานเพื่อแสวงหาการหยุดยิงทันทีและสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทยในขณะนี้
ผลลัพธ์ที่ดีนี้จะช่วยปกป้องชีวิตของทหารและประชาชนทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทยจำนวนมากที่อาจสูญเสียจากความขัดแย้งหรือได้รับบาดเจ็บ และช่วยให้ผู้ลี้ภัยหลายแสนคนสามารถกลับไปใช้ชีวิตในหมู่บ้านของตนเพื่อดำเนินชีวิตประจำวันด้วยความสงบสุขและสันติภาพต่อไป