‘ส.อ.ท.’ ถกฉุกเฉิน 47 กลุ่มอุตฯ รับมือภาษีทรัมป์ 36% สั่งเร่งยื่นคลังเจรจาสหรัฐฯ-เสนอแพ็กเกจช่วยผู้ประกอบการ
(12 ก.ค. 68) สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยความกังวลหลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตราสูงถึง 36% มีผลบังคับใช้ 1 ส.ค. นี้ ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งในอาเซียน เช่น เวียดนาม (20%) อินโดนีเซีย (32%) และมาเลเซีย (25%) โดย ส.อ.ท. อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลจาก 47 กลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อนำเสนอภาครัฐเจรจาลดภาษี
ท่ามกลางการเจรจาการค้ากับประเทศอื่นที่มีความคืบหน้า เช่น เวียดนามและสหราชอาณาจักรที่ได้รับการลดภาษีนำเข้าสหรัฐฯ แล้ว ไทยกลับยังไม่มีข้อตกลงใดๆ จึงเสี่ยงเสียเปรียบในการแข่งขัน ขณะที่จีนอยู่ระหว่างพักชำระภาษีชั่วคราว ซึ่งจะหมดอายุในเดือนสิงหาคมนี้ และอยู่ระหว่างเจรจากับสหรัฐฯ ที่กรุงลอนดอน
ข้อมูลการส่งออกไทยไตรมาสแรก ปี 2568 คิดเป็นกว่า 58% ของ GDP โดยเฉพาะสินค้าอุตสาหกรรม หากภาษียังอยู่ในระดับสูง อาจส่งผลให้ต้นทุนพุ่ง เสียส่วนแบ่งตลาด และกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน คาดว่าความเสียหายต่อภาคส่งออกอาจสูงถึง 8–9 แสนล้านบาท หากไม่มีมาตรการเยียวยา
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยว่ากลุ่มอุตสาหกรรมกำลังเจรจาผู้นำเข้าฝั่งสหรัฐฯ แบ่งรับภาระภาษี แต่บางรายไม่ยินยอม พร้อมเสนอให้รัฐเร่งเจรจาลดภาษีศุลกากรตอบโต้เหลือ 0% ในหลายพันรายการ และออกมาตรการเยียวยา เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ลดภาษีนิติบุคคล และหนุนค่าใช้จ่ายด้านธุรกิจ
ทั้งนี้ สินค้าที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ได้แก่ เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า ยาง เฟอร์นิเจอร์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ของเล่น และสินค้าเหล็ก-เซรามิก โดย ส.อ.ท. เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนร่วมมือฝ่าวิกฤติภาษีครั้งนี้ และมองว่านี่อาจเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมไทยระยะยาว