สมาร์ทโฟน ‘จอพับ’ ตอบโจทย์คนแบบไหน ?
การเปิดตัวสมาร์ทโฟน “จอพับ”ในซีรีส์ Z ของ “ซัมซุง” (Samsung) เดินทางมาถึงรุ่นที่ 7 แล้ว หลังเปิดตัวต้นแบบ “Galaxy X” ในปี 2018 และส่ง “Galaxy Fold” มาชิมลางในปี 2019 มัดใจกลุ่ม Early Adopter ที่ชื่นชอบการลองเทคโนโลยีใหม่ได้สำเร็จ
ในงาน Galaxy Unpacked ล่าสุด (9 ก.ค.) ที่ผ่านมา “ซัมซุง” เปิดตัวสมาร์ทโฟนจอพับรุ่นใหม่ 3 รุ่น ได้แก่
1.Galaxy Z Fold7 พับใหญ่ที่เพิ่มขนาดจอใน-จอนอก พร้อมปรับตัวเครื่องให้บางลง มีความหนาตอนพับ 8.9 มิลลิเมตร เมื่อกางออก จะอยู่ที่ 4.2 มิลลิเมตร มีให้เลือก 3 สี Blue Shadow, Jetblack และ Silver Shadow ราคาเริ่มต้น 67,900 บาท สูงกว่าตอนเปิดตัว Galaxy Z Fold6 รุ่นก่อนหน้าที่ 63,900 บาท
2.Galaxy Z Flip7 พับเล็กที่จอนอกมีการเพิ่มขนาดให้ใช้งานได้แบบเต็มจอ หลังจากรุ่นก่อน ๆ มีขอบจอมากวนใจ ในส่วนดีไซน์ภายนอกถือว่าพลิกโฉมความ “พาสเทล” ที่เป็นซิกเนเจอร์ของรุ่นนี้ไปโดยสิ้นเชิง รอบนี้สีเข้มสะใจ ไม่ว่าจะเป็น Blue Shadow, Jetblack และ Coralred ราคาเริ่มต้น 40,900 บาท ถูกกว่าตอนเปิดตัว Galaxy Z Flip6 รุ่นก่อนหน้าที่ 42,900 บาท
และ 3.Galaxy Z Flip7 FE พับเล็กรุ่นประหยัด ที่ออกมาเจาะตลาดคนที่อยากลองใช้จอพับ แต่ยังไม่กล้าจ่ายให้รุ่นหลัก มีให้เลือก 2 สี คือ Black และ White เปิดตัวเริ่มต้น 32,900 บาท
ทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมการใช้งานฟีเจอร์ Galaxy AI ได้อย่างครบถ้วน เช่น Now Bar แสดงกิจกรรมของแอปแบบเรียลไทม์และผู้ช่วยสั่งการด้วยเสียง Gemini Live เป็นต้น
แม้คอมมิวนิตี้คนใช้สมาร์ทโฟนจอพับอาจไม่ใหญ่เท่าคนใช้สมาร์ทโฟนแบบปกติ (Bar Type) แต่ก็เป็นฐานผู้ใช้เฉพาะ (Niche Market) ที่พร้อมจ่ายเพื่อลองใช้เทคโนโลยีใหม่ทุกปี ทำให้เซ็กเมนต์นี้ยังเติบโตและน่าจับตา
บริษัทวิจัยตลาด Mordor Intelligence คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดสมาร์ทโฟนจอพับทั่วโลกปี 2025 อยู่ที่ 3.13 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.02 ล้านล้านบาท) และมีโอกาสโตถึง 1.18 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.85 ล้านล้านบาท) ในปี 2030 โดยภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเป็นตลาดที่โดดเด่นที่สุด โดยในปี 2024 ครองส่วนแบ่งตลาดในแง่ยอดจัดส่งถึง 68%
หากเจาะรายละเอียดมาที่ประเทศไทย ก็นับว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากข้อมูลของซัมซุง ประเทศไทย พบว่า คนใช้สมาร์ทโฟนจอพับแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ 1.กลุ่มที่ใช้ Bar Type และกระโดดมาใช้จอพับเป็นครั้งแรกเพราะอยากลองประสบการณ์ใหม่ ๆ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% และ 2.กลุ่มคลั่งนวัตกรรม ใช้จอพับเพราะสะท้อนอัตลักษณ์ความเป็น “ผู้นำเทรนด์” มีรอบการเปลี่ยนเครื่อง 6 เดือน-1 ปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15%
สำหรับรุ่นพับใหญ่ Z Fold เป็นที่นิยมมาก ๆ ในกลุ่มผู้บริหาร C-Level และคนที่ทำงานในสาย Sales Analytics เพราะเมื่อกางออกจะได้ขนาดจอเทียบเท่าแท็บเลต 1 เครื่อง สะดวกกับการเช็กงานระหว่างวัน โดยผู้ใช้กว่า 45% อยู่ในช่วงอายุ 35-44 ปี
หากแบ่งสัดส่วนตามเพศ ผู้ใช้ Z Fold กว่า 60% เป็นผู้ชาย ซึ่งปัจจัยที่มีผลมาก ๆ คือ “สี” โดยช่วงที่เปิดตัวรุ่น 1-3 ยังมีสัดส่วนผู้ชายมากกว่า 80% แต่เมื่อ Z Fold6 เพิ่ม “สีชมพู” เข้ามา สัดส่วนของผู้ใช้ผู้หญิงเพิ่มขึ้น แต่ในภาพรวม “สีดำ” ยังเป็นสีขายดีในไทย ติดอันดับท็อปแข่งกับ Marketing Color ของแต่ละปีตลอด
ส่วนรุ่นพับเล็ก Z Flip ฐานผู้ใช้หลักเป็นกลุ่มวัยรุ่น หรือ First Jobber อายุ 25-34 ปี เป็นผู้หญิงมากถึง 79% ช่วงที่เปิดตัวรุ่น 1 และ 3 เป็นผู้หญิงมากกว่า 85% ด้วยซ้ำ แต่ถัดจากรุ่น 4 เป็นต้นมา ได้เพิ่มตัวเลือกที่เป็นสียูนิเซ็กซ์ ทำให้ฐานผู้ใช้ที่เป็นผู้ชายขยับขึ้นตาม
นอกจากดีไซน์และความเป็นแฟชั่นแล้ว คนที่ตัดสินใจใช้ Z Flip ยังชอบเรื่องความกะทัดรัด และความสะดวกในการพกพาอีกด้วย ที่สำคัญ 36% ของผู้ใช้ Z Flip ให้ความสำคัญกับขนาดจอนอกมาก ๆ ยิ่งใหญ่ยิ่งดี เพราะต้องการจบการใช้งานโดยไม่ต้องการกางจอใหญ่ เช่น ตอบข้อความแบบเร็ว ๆ หรือถ่ายเซลฟีแบบไว ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การที่ซัมซุงตัดสินใจปรับดีไซน์ของ Z Fold7 และ Z Flip7 โดยเพิ่มขนาดหน้าจอ และทำตัวเครื่องให้บางลงจนกลายเป็นรุ่นที่บางสุดตั้งแต่เปิดตัวมา สะท้อนถึงความพยายามในการเอาชนะใจคนที่ไม่อยากพกอุปกรณ์หลายเครื่อง และต้องการสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การทำงานหลายแบบ ซึ่งต้องดูต่อว่าจะเร่งรอบการเปลี่ยนเครื่อง และสร้างความคึกคักในตลาดสมาร์ทโฟนครึ่งปีหลังได้มากน้อยขนาดไหน
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : สมาร์ทโฟน ‘จอพับ’ ตอบโจทย์คนแบบไหน ?
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net