โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

รฟท. เตรียม PPP ดึงเอกชนเดินรถ 'ไฮสปีดไทยจีน' กรุงเทพฯ - หนองคาย

กรุงเทพธุรกิจ

อัพเดต 12 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า พรุ่งนี้ (15 ก.ค.) รฟท.จะจัดสัมมนาแนะนำโครงการ (ปฐมนิเทศ) โครงการศึกษา ทบทวนและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการจัดทำเอกสารประกวดราคา และการดำเนินงานตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 (PPP) ของโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (ไฮสปีดไทย - จีน) ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย

โดยเวทีดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อชี้แจงข้อมูลโครงการศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสมในการพิจารณาดำเนินการศึกษารูปแบบการให้เอกชนร่วมลงทุนพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง ครอบคลุมในการบริหารโครงการและเดินรถไฮสปีดไทย - จีน ตลอดแนวเส้นทางช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย ซึ่ง รฟท.มีเป้าหมายให้ได้ข้อสรุปโครงการศึกษาดังกล่าวแล้วเสร็จภายในปีนี้ ก่อนจะนำผลการศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบ PPP เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเปิด PPP จัดหาเอกชนร่วมลงทุนต่อไป

สำหรับการศึกษา ทบทวนและวิเคราะห์ความเหมาะสมของโครงการฯ มีกรอบดำเนินงาน ประกอบด้วย

1. การศึกษาความเหมาะสม การคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารด้านเทคนิค ด้านราคา ด้านเศรษฐกิจและการเงิน แผนการเดินรถ (System Operation Plan)

2. ศึกษาและวิเคราะห์โครงการตามที่กำหนดในพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ความเสี่ยงของโครงการ ทางเลือกและรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน รวมไปถึงการแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนระหว่างรัฐและเอกชน

รายงานข่าวยังระบุด้วยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่โครงการไฮสปีดไทย – จีนแล้วเสร็จอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในส่วนของงานโยธาการก่อสร้างต่างๆ จะเปิดประมูลและเดินหน้าตอกเสาเข็ม ส่วนของระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา - หนองคาย ซึ่งปัจจุบัน รฟท.อยู่ระหว่างจัดทำเอกสารประกวดราคา (TOR) คาดว่าจะออกประกาศได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ เช่นเดียวกับเรื่องระบบเดินรถ จะเห็นรูปแบบการลงทุน และการเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ ซึ่งการเร่งรัดเรื่องต่างๆ เพื่อให้ทันต่อการเปิดให้บริการไฮสปีดไทย – จีนเฟสแรก ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ที่จะเปิดให้บริการในปี 2572

สำหรับไฮสปีดเทรนไทย - จีน ระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 357.12 กิโลเมตร รวมมูลค่าการลงทุน 341,351.42 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่างานโยธา 235,129 ล้านบาท ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน 10,310 ล้านบาท ค่าลงทุนระบบราง-ระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล 80,165 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการ ควบคุมงานและรับรองระบบ 10,060 ล้านบาท

ทั้งนี้ตามแผนดำเนินงาน รฟท.จะเปิดประมูลหาผู้รับจ้างในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Bidding) จำนวน 10 สัญญา แบ่งออกเป็น งานโยธา 9 สัญญา และงานติดตั้งระบบและอาณัติสัญญาณ 1 สัญญา ส่วนรูปแบบโครงสร้างได้ศึกษาเพื่อลดผลกระทบประชาชน โดยจะพัฒนาเป็นทางวิ่งยกระดับ ระยะทาง 202.48 กิโลเมตร และทางวิ่งระดับดิน ระยะทาง 154.64 กิโลเมตร ให้บริการ 5 สถานีใหญ่ ประกอบด้วย

1.สถานีบัวใหญ่

2.สถานีบ้านไผ่

3.สถานีขอนแก่น

4.สถานีอุดรธานี

5.สถานีหนองคาย

สำหรับรายละเอียดโครงการมีการออกแบบรางมีขนาด 1.435 เมตร โดยรถไฟสามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 250กิโลเมตรต่อชั่วโมง ความเร็วเฉลี่ยในการให้บริการ 192 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปนครราชสีมา ประมาณ 1 ชั่วโมง 26 นาที และจากนครราชสีมา-หนองคาย ประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที และหากนั่งจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 28 นาที

ขณะที่ปริมาณผู้โดยสาร ประเมินว่าในช่วงนครราชสีมา - หนองคาย คาดการณ์ว่าปีแรกที่เปิดให้บริการในปี 2574 จะมีปริมาณผู้โดยสาร 6,710 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2578 จำนวน 10,060 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2583 จำนวน 13,420 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2593 จำนวน 16,490 คน-เที่ยวต่อวัน และปี 2603 จำนวน 17,930 คน-เที่ยวต่อวัน

ส่วนตลอดแนวเส้นทาง ช่วงกรุงเทพฯ - หนองคาย คาดการณ์ว่าปริมาณผู้โดยสารปีแรกที่เปิดให้บริการในปี 2574 ผู้โดยสารอยู่ที่ 9,030 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2578 จำนวน 13,550 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2583 จำนวน 18,070 คน-เที่ยวต่อวัน, ปี 2593 จำนวน 22,250 คน-เที่ยวต่อวัน และปี 2603 จำนวน 24,110 คน-เที่ยวต่อวัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก กรุงเทพธุรกิจ

'อนุทิน' เมิน'ทักษิณ'ไม่เกิดประโยชน์ 'นายกฯ' อยากร่วมรัฐบาลแต่ไม่มั่นใจพ่อ

48 นาทีที่แล้ว

EKH จบซื้อหุ้นคืน 342 ล้านบาท 55 ล้านหุ้น จากวงเงินไม่เกิน 400 ล้านบาท ตั้งแต่ 13ม.ค.-11ก.ค.

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

สรรพสามิตจ่อปรับ ‘เนต้า’ 2 เท่า ค่ายรถผลิตไม่ครบเงื่อนไข EV3.0 กว่า 1.9 หมื่นคัน

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

Infinite Workday การงานล้ำเส้นชีวิต เป็นมือที่ 3 เพิ่มการหย่าร้าง

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความไอที ธุรกิจอื่น ๆ

"อทิส-อมริท" นวัตกรรมสมุนไพรเสริมภูมิคุ้มกัน ตั้งเป้าโต 250%

สยามรัฐ

อัปเดตราคาน้ำมันวันพรุ่งนี้ 15 ก.ค. เช็กราคาเบนซิน-ดีเซล-โซฮอล์ ล่าสุดที่นี่

The Bangkok Insight

บอร์ด TMI ไฟเขียวซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 5 ลบ.ช่วง 1 ส.ค.68-31 ม.ค.69

ทันหุ้น

สรรพสามิตจ่อปรับ ‘เนต้า’ 2 เท่า ค่ายรถผลิตไม่ครบเงื่อนไข EV3.0 กว่า 1.9 หมื่นคัน

กรุงเทพธุรกิจ

BIZคว้างานครุภัณฑ์ทางการแพทย์ รพ.5แห่ง มูลค่า 858 ล้านบาท

ทันหุ้น

EA นัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ EA257A โหวตขยายไถ่ถอนเหลือ 5 ปี 18 ก.ค.นี้

ข่าวหุ้นธุรกิจ

เจาะ 4 เทรนด์โลก ความท้าทายใหม่ต่อการดูแล “เงินเฟ้อ”

ธนาคารแห่งประเทศไทย

กองทุนน้ำมันฯ พิสูจน์บทบาท “รักษาเสถียรภาพราคาน้ำมัน” หลังช่วยดูแลค่าครองชีพประชาชนในช่วง “สงคราม 12 วัน”

THE STATES TIMES

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...