คลังถกอนุกระตุ้นเศรษฐกิจ จับตาใช้ 4 หมื่นล้าน เยียวยาภาษีสหรัฐ
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (23 ก.ค.2568) จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่กระทรวงการคลัง เพื่อพิจารณางบกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งยังมีวงเงินเหลืออยู่ 4.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้เตรียมอนุมัติสำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อบจ. เทศบาล และอบต.) ที่เสนอเข้ามา
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีสถานการณ์เรื่องภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ที่ยังไม่จบลงโดยเร็ว ซึ่งถือเป็นความเสี่ยงทำให้เศรษฐกิจปี 2568 มีความเสี่ยงชะลอตัวลงจากที่ประเมินไว้ รัฐบาลจึงอาจต้องวางแผนสำรองด้วยการเสนอโครงการใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงเหตุผลด้านเศรษฐกิจ การตรวจสอบข้อเสนอโครงการ และกรอบระยะเวลา (Timeline) เป็นหลัก
สำหรับการประชุมรอบที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการต้องปรับรายละเอียดโครงการ และกลับมาเสนออีกครั้ง โดยให้ความสำคัญกับการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ และการพัฒนาทุนมนุษย์ด้วย
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจ รอบที่ผ่านมา ได้เห็นชอบเกณฑ์การตัดสินการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนที่เหลืออีก 4 หมื่นล้านบาท จากที่ใช้ไปแล้ว 1.15 แสนล้านบาท
โดยเกณฑ์จะดูเรื่องความเหมาะสม ดูเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ถูกต้องตามกฎหมาย ระยะเวลาการเบิกจ่าย และจะโฟกัสในเรื่องการดูแลผู้ที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐด้วย
“การดูแลผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์ จะมีทั้งในส่วนของผู้ส่งออก ภาคการผลิตที่ได้รับผลกระทบจากภาษี รวมถึงการที่จะมีสินค้าจากสหรัฐ หรือจีนเข้ามาบุกตลาดเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังจะครอบคลุมการช่วยเหลือภาคแรงงาน และเกษตรกรรายย่อยๆ อีกด้วย”
ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องเร่งพิจารณาให้ได้ไว เนื่องจากมีระยะเวลาจำกัด เพราะต้องมีการเริ่มอนุมัติโครงการให้ใช้ได้ภายใน 30 ก.ย.นี้ แต่หากอนุมัติแล้วสามารถทำเป็นงบผูกพันไปได้ปีงบหน้า ส่วนกรณีงบขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องมาดูว่าเข้าหลักเกณฑ์หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีตัวเลขของบที่ไม่ตรงกันอยู่ ซึ่งจะมีการประชุมคณะอนุกรรมการฯ อีกรอบในวันที่ 23 ก.ค.นี้