ASIA7 โชว์ดีไซน์ผ้าไทยโมเดิร์นนำสมัย
ASIA7 วงดนตรี Asian Pop แห่งค่าย Gene Lab ที่นำดนตรีพื้นบ้านอีสานมาผสมผสานเข้ากับดนตรีสากล โดยเป็นการรวมตัวกันของคนดนตรีรุ่นใหม่ในคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล พวกเขาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงกลุ่มแรกได้รับการคัดเลือกให้สวมใส่แฟชั่นผ้าไทยร่วมสมัยออกแบบโดยดีไซเนอร์ไทยขึ้นไปเล่นดนตรีบนเวทีเผยแพร่คุณค่าของผ้าทอในแต่ละท้องถิ่นของประเทศไทยให้แฟนเพลงทั้งชาวไทยและชางต่างประเทศได้ชม นอกจากดื่มด่ำกับดนตรีที่ ASIA7 แสดงอย่างออกรสบนเวที
ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวแห่งความสำเร็จของวงการแฟชั่นและวัฒนธรรมไทย เมื่อสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร.) กระทรวงวัฒนธรรม จับมือกับสองดีไซเนอร์ชื่อดัง เอก ทองประเสริฐ ดีไซเนอร์ไทยคนเก่งจาก Collector Project และ เฉลิมเกียรติ คติเกษมเลิศ จาก Maison Wonder Anatomieใน “โครงการพัฒนาการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะร่วมสมัยเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ : การออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายร่วมสมัย” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Soft Power ของประเทศ พร้อมผลักดันศักยภาพนักออกแบบไทยและคุณค่าของผ้าทอในแต่ละท้องถิ่นให้เป็นที่ประจักษ์ในวงกว้างและสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
นางเกษร กำเหนิดเพ็ชร ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กล่าวว่า Soft Power ถือเป็นเครื่องมือสำคัญเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม การออกแบบแฟชั่นและเครื่องแต่งกายร่วมสมัย นับเป็นอีกหนึ่งพลังเผยแพร่อัตลักษณ์และคุณค่าของความเป็นไทยสู่เวทีระดับสากล เราเชื่อมั่นว่า ด้วยความคิดสร้างสรรค์ของนักออกแบบไทยบวกกับความงดงามและเอกลักษณ์ของผ้าทอพื้นเมืองสามารถสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นที่โดดเด่น มีคุณค่า และเป็นที่ต้องการในตลาดโลกได้ โครงการนี้เป็นเวทีสำคัญนำผ้าทอมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบร่วมสมัยนำเสนอผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียงในหลากหลายวงการ ทั้งยังสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ
ก่อน ASIA7 ศิลปินสวมใส่ผ้าไทยที่มีเสน่ห์โชว์ตามคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรีในต่างแดน ผ่านกระบวนการสร้างสรรค์นำผ้าทอและหัตถกรรมพื้นถิ่นมาต่อยอดสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทย นำเสนอผ่านมุมมองของดีไซเนอร์ผู้มีวิสัยทัศน์และปรัชญาในการออกแบบลึกซึ้ง ยกระดับการตีความผ้าไทยให้หลุดจากกรอบเดิมๆ สื่อสารด้วยภาษาสากลที่ทั่วโลกเข้าใจได้ผสมผสานรากเหง้าทางวัฒนธรรมเข้ากับเทคนิคและมุมมองที่ร่วมสมัย
ในทัศนะ เอก ทองประเสริฐ ผ้าไทยไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบ หากแต่คือผืนผ้าใบที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ทั้งประวัติศาสตร์ วิถีชีวิต และภูมิปัญญาของช่างฝีมือ เอก ทองประเสริฐ กล่าวว่า การทำงานกับผ้าไทย คือ การทำความเข้าใจถึงแก่นแท้และจิตวิญญาณของแต่ละชุมชน ไม่ใช่เพียงแค่การนำลวดลายพื้นเมืองมาใช้ แต่คือการตีความใหม่เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่ยังคงเคารพรากเหง้าของแต่ละชุมชน ขณะเดียวกันสามารถสื่อสารกับคนยุคใหม่เพื่อแสดงให้เห็นว่าแฟชั่นไทยร่วมสมัยมีทั้งความเท่ ความลึกซึ้ง และมีพลังที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power สร้างชื่อเสียงให้ประเทศได้
ภายใต้โครงการฯ มีกิจกรรม “เผยแพร่เครื่องแต่งกายไทยร่วมสมัยผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียง” เพื่อนำผลงานการออกแบบที่โดดเด่นและมีสไตล์ให้บุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลายหลายวงการสวมใส่ในโอกาสต่างๆ เพื่อสร้างกระแสความนิยมและทำให้แฟชั่นผ้าไทยร่วมสมัยเข้าไปอยู่ในใจของผู้คนมากขึ้น โดยคัดเลือกศิลปินไทยที่มีชื่อเสียงอย่าง ‘ASIA7’ (เอเชียเซเว่น) วงดนตรีสัญชาติไทยที่โดดเด่นผสานดนตรีไทยและดนตรีสากลเข้าด้วยกัน ทำให้แนวดนตรีพวกเขาได้รับคำนิยามหลากหลาย เช่น ป็อป แจ๊ส ไทยร่วมสมัย และเวิลด์ มิวสิก สร้างชื่อเสียงเวทีในประเทศและต่างประเทศ และสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่เยาวชนไทย
ออย - อมรภัทร เสริมทรัพย์ นักร้องนำวง ASIA7 กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่สวมใส่เสื้อผ้าที่สะท้อนถึงอัตลักษณ์ความเป็นไทย โดยเฉพาะการนำผ้าไทยมาผสมผสานเข้ากับการออกแบบที่ดูร่วมสมัยและมีสไตล์ สะท้อนกลิ่นอายของวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดผ่านผืนผ้าได้อย่างดี ทุกรายละเอียดบ่งบอกถึงความตั้งใจและความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ ที่ต้องการยกระดับผ้าไทยให้ก้าวสู่แฟชั่นระดับสากล มันไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่คือผลงานศิลปะที่สวมใส่ได้จริง สะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ได้อย่างมีเอกลักษณ์
ส่วนศิลปินดังที่จะได้รับคัดเลือกโชว์ผ้าไทยโมเดิร์นลำดับต่อไปจะเป็นใครต้องติดตาม โปรเจ็คนี้ถือเป็นต้นแบบผสานไอเดียของดีไซเนอร์เข้ากับเสน่ห์มรดกผ้าไทยและอิทธิพลของคนที่มีชื่อเสียง เพื่อเป็นกลไกผลักดันอุตสาหกรรมแฟชั่นผ้าไทยให้ก้าวไกลสู่เวทีระดับสากล สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน และหนุนภาพลักษณ์ไทยในฐานะศูนย์กลางแห่งความคิดสร้างสรรค์ต่อไป ผู้สนใจติดตามความเคลื่อนไหวทางเพจ สำนักงานศิลปวัฒธรรมร่วมสมัย หรือเว็บไซต์: https://www.ocac.go.th/