มาเซราติ เกรคาเล่ (Maserati Grecale) มี 2 ตัวเลือก ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ (ICE) และพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี
มาเซราติ เกรคาเล่ (Maserati Grecale) มี 2 ตัวเลือก ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ (ICE) และพลังงานไฟฟ้า หรือ อีวี
Maserati Grecale ยนตรกรรมสปอร์ตอเนกประสงค์รุ่นล่าสุด ออกแบบภายใต้แนวคิด ‘Everyday Exceptional’ หรือการทำให้ทุกวันเป็นวันพิเศษสำหรับผู้ครอบครอง ผสมผสานความสง่างาม, สมรรถนะ, นวัตกรรมล้ำสมัย มาพร้อมศักยภาพบนเส้นทางออฟ-โรด และสุนทรียภาพแห่งการขับขี่
Maserati Grecale เครื่องยนต์เบนซิน วี6 ขนาด 3.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 530 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ AWD (all-wheel drive) ซึ่งสามารถกระจายกำลังหน้า/หลัง ได้แบบ 0:100 จนถึง 50:50 ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 3.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 285 กม./ชม.
มีโหมดการขับขี่ให้เลือกทั้ง Comfort, GT, Sport, Off-road และ Corsa ที่มีเฉพาะในโทรฟีโอ เหมาะกับการขับขี่บนสนามแข่งที่ต้องการการถ่ายทอดกำลังเต็มที่พร้อมกับทักษะการขับจากการตัดโหมดช่วยเหลืออย่างระบบควบคุมการทรงตัว (ESC) แต่ก็สนับสนุนด้วยการปรับช่วงล่างให้เหมาะสมกับการขับมากขึ้น ลดอาการอันเดอร์สเตียร์
ส่วนทางเลือก อีวี หรือ เกรคาเล่ โฟลกอเร่ (Folgore) มอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD ให้กำลังสูงสุด 550 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 820 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ความจุ 105 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการขับขี่สูงสุด 426 กม./ชม. ตามมาตรฐาน WLTP
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 220 กม./ชม. มีโหมดขับขี่ 4 โหมด คือ GT หรือ โหมดทั่วไป เหมาะกับการขับขี่ในเมือง โดยโหมดนี้จะไม่ปล่อยกำลังเต็มที่ แค่ประมาณ 80% โหมด Sport ก็ตามชื่อ โดยจะปล่อยกำลังเต็มที่ 100%
โหมด Max Range เป็นการใช้เพื่อเพิ่มระยะทางการใช้งานสูงสุด เลือกใช้เองได้ทุกเมื่อ และรถจะแนะนำให้ใช้ เมื่อความจุแบตเตอรี่ลดลงต่ำกว่า 16% โดยโหมดนี้จะจำกัดความเร็วสูงสุดไม่เกิน 130 กม./ชม. ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วก็เป็นความเร็วเหลือ ๆ สำหรับการใช้งานจริง โฟลกอเร่ ใช้ยางที่หนากว่า รองรับกับตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น เพิ่มความนุ่มนวลในการขับขี่ เป็นยางขนาด 255/50 R19 ทั้ง 2 รุ่น ระยะทางสั้น ๆ คันละประมาณ 40 กม. เป็นเส้นทางในกรุงเทพฯ เน้นทางด่วนเป็นหลัก เพื่อความคล่องตัวจากสภาพจราจร ดังนั้นต้องขออภัยที่ภาพประกอบเส้นทางจริง ไม่มีครับ เพราะไม่สามารถจอดถ่ายได้
ส่วน Max range เมื่อลองใช้งาน ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรมากนักจาก GT แม้จะปรับให้การตอบสนองช้ากว่าเล็กน้อย เพื่อการประหยัดพลังงานก็ไม่มีผลอะไร เอาเป็นว่าถ้าใครไม่ได้รีบร้อยไปไหน หรือ ขับขี่ในเมือง จะตั้งโหมดนี้คาเอาไว้ก็ได้ส่วนเรื่องของเสียงใครชอบความเงียบก็ได้ตามนั้น แต่ถ้าใครต้องการเสียง โฟลกอเร่ มีเสียงเครื่องยนตฺ์สังเคราะห์เอาไว้สร้างบรรยากาศ ขณะที่ เครื่องยนต์ วี 6 ของ โทรฟีโอ ตอบสนองได้เร้าใจและเนียนเท้าดีครับ คือ ได้ทั้งความไว กระฉับกระเฉง ความลื่นไหล ทำให้ขับทั้งแบบสบายและสนุก
หากเลือกโหมด Sport การเซ็ตช่วงล่าง พวงมาลัยจะเติมอารมณ์สปอร์ตเต็มที่ พร้อมกับการช่วยให้รถทรงตัวดีขึ้น จัดการในทางโค้งด้วยความเร็วสบาย ๆ ลดอาการให้ตัว การโยนตัวด้วยช่วงล่างซึ่งเป็นแบบถุงลม หรือ air suspension (โฟลกอเร่ ก็ใช้แบบเดียวเดียว) ที่ปรับตามโหมด สภาพเส้นทางและอาการของรถ เช่นเมื่อเข้าโค้งขวาแบบแรง ๆ น้ำหนักรถจะถูกถ่ายไปยังล้อซ้าย ระบบก็จะปรับให้ช่วงล่างด้านซ้ายแข็งกว่าด้านขวา เพื่อยันตัวรถเอาไว้ ดังนั้นก็ทำให้สามารถจัดการกับเส้นทางได้ดีขึ้น และผู้ขับก็ไม่หลงอาการของรถ ขณะที่พวงมาลัยมีน้ำหนักที่ดี มีแรงขืน ทำให้ควบคุมทิศทางได้ง่าย
ส่วนเสียงของ วี 6 ไม่ต้องพึ่งพาการสังเคราะห์ แต่ออกแบบให้ได้เสียงจากเครื่องยนต์แบบ Maserati Signature Sound ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของมาเซราติ ทุ้ม ลึก เสริมอารมณ์สปอร์ตได้ดียิ่งขึ้นครับ สำหรับค่าตัวของ เกรคาเล่ โทรเฟโอ เริ่มต้น 10,890,000 บาท ส่วนโฟลกอเร เริ่มต้น 7,290,000 บาท