'เทสลา' ทดลองตลาด ขาย Model Y ในอินเดีย ราคากว่า 2 ล้านบาท
เว็ปไซต์ของเทสลารายงานเมื่อวันอังคาร (15 ก.ค.) ว่า บริษัทได้เริ่มขายรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดียเป็นครั้งแรก โดยจะวางจำหน่ายรถยนต์ SUV ไฟฟ้ารุ่น Model Y ในราคาเริ่มต้น 69,770 ดอลลาร์ (ราว 2.3 ล้านบาท) ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงกว่าตลาดหลักอื่นๆ อย่างมาก
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานเพิ่มเติมว่า อิซาเบล แฟน ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเทสลาได้ประกาศว่าบริษัทจะเปิดตัวโชว์รูมในกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดียในเร็วๆ นี้ และจะจ้างพนักงานที่เป็นคนในพื้นที่ พร้อมจัดตั้งศูนย์ประสบการณ์ ศูนย์บริการ ระบบจัดส่ง สถานีชาร์จ และศูนย์กลางโลจิสติกส์ทั่วประเทศอีกด้วย
มีการคาดเดามานานแล้วว่าเทสลาอาจจะเจาะตลาดรถยนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกอย่างอินเดีย อย่างไรก็ตาม ราคาที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ อาจทำให้หลายคนประหลาดใจ ตัวอย่างเช่น รถ Model Y ที่ลงขายในอินเดียในราคาเริ่มต้น 69,770 ดอลลาร์นั้น มีราคาเริ่มต้นในสหรัฐเพียงแค่ 44,990 ดอลลาร์เท่านั้น
ทำไมราคาในอินเดียถึงแพงผิดปกติ
ไวบาฟ ทาเนยา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเทสล่าได้ยืนยันในเดือนเม.ย.ว่า บริษัทมีความสนใจในตลาดอินเดีย แต่บริษัทจำเป็นต้องรอบคอบในการดำเนินธุรกิจในตลาดนี้เนื่องจากอินเดียเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้า 70% และภาษีสินค้าฟุ่มเฟือยประมาณ 30%
อัตราภาษีดังกล่าวคือเหตุผลที่เทสลาจำเป็นต้องตั้งราคาที่สูงกว่าปกติ แม้ว่าอินเดียจะมีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่ในช่วงราคาที่ต่ำกว่านี้ก็ตาม
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวกับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า ราคานี้จะทำให้เทสลาต้องแข่งขันในตลาดระดับสูงร่วมกับแบรนด์อย่าง BMW แทนที่จะแข่งขันกับบริษัท EV ในประเทศอย่าง Tata Motors
วิเวก ไวทยะ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ระดับโลกด้าน Mobility (การคมนาคมขนส่งและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง) ของบริษัทวิจัย Frost & Sullivan กล่าวในรายการ “Inside India” ของซีเอ็นบีซีเมื่อวันอังคารว่า ราคานี้ “ไม่ถือว่าเกินกำลังซื้อ เพราะอินเดียมีผู้พร้อมซื้อในทุกระดับราคา” แต่คำถามที่สำคัญคือ ราคานี้จะส่งผลไม่ดีต่อตลาดขนาดใหญ่แห่งนี้หรือไม่ ซึ่งคำตอบคือ “ไม่ เพราะรถที่ขายดีที่สุดน่าจะขายในราคาเพียงหนึ่งในสิบของราคาจำหน่ายรถเทสลา”
ทดสอบตลาด
ปูนีต กุปตา ผู้อำนวยการตลาดยานยนต์อินเดียของ S&P Global Mobility บอกกับซีเอ็นบีซีว่า Model Y อาจต้องดิ้นรนเพื่อแข่งขันด้านราคา แต่คาดว่าเทสลาน่าจะเน้นไปที่การ “ทดสอบตลาด” มากกว่าพยายามสร้างยอดขายในอินเดีย
อินเดียได้ประกาศนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าใหม่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งสัญญาว่าจะลดภาษีให้กับบริษัทที่ต้องการสร้างห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ แม้ว่านโยบายนี้อาจช่วยให้เทสลาลดราคาสินค้าในอินเดียลงได้ แต่บริษัทก็ยังไม่มีแผนที่จะสร้างโรงงานผลิตในอินเดียแต่อย่างใด
ดิวาการ์ มุรุกัน นักวิเคราะห์ยานยนต์จาก Canalys เผยกับซีเอ็นบีซีว่า โชว์รูมในมุมไบเป็นเพียงแค่การเคลื่อนไหวตามกลยุทธ์ “soft power” เท่านั้น ไม่ถือว่าเป็นการวางแผนมุ่งหน้าอย่างจริงจัง พร้อมกล่าวเสริมว่า ความลังเลนี้เนื่องมาจากตลาดอินเดียยังมีความต้องการซื้อไม่พอที่จะทำให้เทสลาคุ้มค่าต่อการสร้างโรงงานขนาดใหญ่
“การย้ายฐานการผลิตส่วนสำคัญไปที่อินเดียอาจทำให้ต้องมีการประเมินกลยุทธ์การผลิตระดับโลกใหม่ทั้งหมด ซึ่งบริษัทยังไม่พร้อมจะทำ เพราะยังคงมุ่งเน้นการขยายการผลิตในตลาดที่มีอยู่แล้วเป็นหลัก” เขากล่าว
มุรุกัน คาดการณ์ว่า เทสลาอาจเริ่มผลิตเต็มรูปแบบในอินเดียได้ระหว่างปี 2028 ถึง 2030 ซึ่งจะมีแรงจูงใจมาจาก เช่น เงินอุดหนุนที่ดิน การยกเว้นภาษี รวมถึงความพร้อมของตลาดแบตเตอรี่ในประเทศเป็นปัจจัยสำคัญ ในระหว่างนี้ Model Y จะเป็น “ผลิตภัณฑ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่มโดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ที่มีฐานะร่ำรวยและกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบเทคโนโลยีที่มองหาสินค้าบ่งบอกถึงสถานะของตน”
กุปตะจาก S&P คาดว่า ภาษีส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าของอินเดียอาจเปลี่ยนแปลงในเร็วๆ นี้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการเจรจาการค้าระหว่างวอชิงตันและนิวเดลีที่กำลังดำเนินอยู่ และอาจมีการปรับเปลี่ยนนโยบายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มเติม
ในเดือนเม.ย. อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาได้เจรจากับนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
กุปตากล่าวว่า “รัฐบาลอินเดียมีความกระตือรือร้นอย่างมากในการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเทสลามีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนเนื่องมาจากความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและสหรัฐ”