โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

พรรคไทยสร้างไทย แถลงเสนอทางออกคดี ม.112

ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

อัพเดต 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • ข่าวเวิร์คพอยท์

(15ก.ค.68) พรรคไทยสร้างไทย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรค และ ดร.โภคิน พลกุล ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ แถลงข่าวเสนอแนวทางการคลี่คลายความขัดแย้งเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม และคดีที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า มาตรา 112 ถูกบัญญัติขึ้นเพื่อสอดรับกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 6 ซึ่งระบุว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้" ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครององค์พระประมุขของชาติซึ่งไม่สามารถโต้ตอบหรือชี้แจงได้ในทางคดี เมื่อถูกละเมิดด้วยการหมิ่นประมาท หรือดูหมิ่น

อย่างไรก็ตาม พรรคฯ เห็นว่าในทางปฏิบัติที่ผ่านมาบางกรณี กฎหมายนี้อาจถูกนำไปใช้เพื่อกลั่นแกล้งหรือดำเนินคดีอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นจึงเสนอ 2 แนวทางหลักในการแก้ปัญหาคดี ม.112 ควบคู่กัน ดังนี้

1.แก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

ให้จัดตั้ง “คณะกรรมการกลั่นกรอง” คดีมาตรา 112 ซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายสาขา เช่น ตำรวจ อัยการ ฝ่ายปกครอง นักวิชาการ ร่วมพิจารณาว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่ เพื่อป้องกันมิให้เกิดการกลั่นแกล้งทางคดี

นอกจากนี้ พรรคฯยังเสนอให้บัญญัติกฎหมายรองรับการที่องค์พระมหากษัตริย์สามารถ “พระราชทานอภัย” ต่อผู้ถูกกล่าวหาในระหว่างการดำเนินคดีได้ ซึ่งถ้าได้รับ “พระราชทานอภัย” ก็ให้ระงับการดำเนินคดีทันทีและให้ถือว่าคดีเป็นอันสิ้นสุด ซึ่งต่างจากการขอพระราชทานอภัยโทษที่คดีถึงที่สุดแล้ว

2.เสนอเพิ่มเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม

โดยเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาตามมาตรา 112 สามารถยื่น “คำขอพระราชทานอภัย” ได้ก่อนที่คดีจะถึงที่สุด พร้อมทั้งให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำซ้ำ เพื่อเป็นกลไกเชิงสันติวิธีในการยุติความขัดแย้ง

ดร.โภคิน กล่าวย้ำว่า “ข้อเสนอของพรรคไทยสร้างไทย เป็นการหาทางออกที่ตั้งอยู่บนหลักนิติธรรมควบคู่กับวัฒนธรรมแห่งการให้อภัยของสังคมไทย”

ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวสรุปว่า “ประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ ต้องไม่ปล่อยให้ความแตกแยกเรื้อรัง เราเชื่อว่าการให้ ‘อภัย’ จะเป็นสะพานนำสังคมไทยกลับสู่ความสงบสุขและความหวัง”

ขณะที่ แถลงการณ์พรรคไทยสร้างไทย เรื่อง ทางออกจากปัญหาความเห็นต่างในร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม กรณีความผิดตามมาตรา 112

จากแถลงการณ์พรรคไทยสร้างไทย วันที่ 30 กรกฎาคม 2567 ที่ได้เสนอทางออกสำหรับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และคดีความผิดตามมาตรา 112 ซึ่งพรรคฯเห็นโดยสุจริตว่ามาตรา 112 และมาตราอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในหมวดพระมหากษัตริย์บัญญัติขึ้นเพื่อให้สอดรับกับบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ซึ่งบัญญัติว่า "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้”

บทบัญญัติดังกล่าวบัญญัติไว้เป็นวัฒนธรรมประเพณี เฉกเช่นเดียวกับประมุขของรัฐในต่างประเทศก็ได้รับการคุ้มครองเช่นกัน และโดยข้อเท็จจริงแล้วเมื่อมีการล่วงละเมิดองค์พระมหากษัตริย์ด้วยการดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาท ฯลฯ ต่อองค์พระประมุขของชาติ พระองค์ก็มิอาจโต้ตอบหรือชี้แจง หรือดำเนินการใด ๆ ได้

อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีว่า องค์พระประมุขของชาติทรงดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม มีเมตตาต่อพสกนิกรของพระองค์โดยไม่ถือชั้น วรรณะ และศาสนา ยามใดที่บ้านเมืองมีปัญหาขัดแย้ง รุนแรง สถาบันพระมหากษัตริย์ก็จะทรงนำคุณธรรม "อภัย" มาใช้เพื่อสร้างความสงบเรียบร้อย และสร้างความปรองดอง สมานฉันท์ให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองเสมอมา

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น การแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกในคดีความผิดตามมาตรา 112 จึงควรดำเนินการใน 2 แนวทางไปพร้อม ๆ กัน คือ

1.แก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ในส่วนที่เกี่ยวกับการร้องทุกข์ กล่าวโทษ ความผิดตามมาตรา 112 โดยให้มีคณะกรรมการกลั่นกรองในการดำเนินคดี ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิหลายสาขา อาทิ ตำรวจ อัยการ ฝ่ายปกครอง นักวิชาการ ให้มีความเห็นร่วมกันว่าควรสั่งฟ้องหรือไม่ เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งในการดำเนินคดี

นอกจากนี้ ในระหว่างการดำเนินคดีตั้งแต่ชั้นกล่าวโทษต่อคณะกรรมการฯ จนถึงระหว่างการพิจารณาคดีในชั้นศาล ควรแก้ไขกฎหมายให้องค์พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชอำนาจที่จะ "พระราชทานอภัย" สำหรับการกระทำที่กล่าวมาได้ โดยให้เป็นการระงับการดำเนินคดีทันที และให้ถือว่าคดีเป็นอันสิ้นสุด

2.ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม หากจะกำหนดให้มีการนิรโทษกรรมคดีความผิดตามมาตรา 112 ควรดำเนินการดังนี้ คือ ผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายตามมาตรา 112 สามารถทำหนังสือ "ขอพระราชทานอภัย" ต่อองค์พระมหากษัตริย์ได้ โดยให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำซ้ำอีกในระหว่างการดำเนินคดีก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด กรณีนี้เรียกว่า "การขอพระราชทานอภัย" ซึ่งจะต่างจากการขอพระราชทานอภัยโทษที่คดีถึงที่สุดแล้ว

โดยสรุป การแก้ไขประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาตามที่กล่าวข้างต้น จะเป็นหลักการใหม่ในการดำเนินคดีอาญา เพื่อป้องกันการนำมาตรา 112 ไปกลั่นแกล้งกัน และกระทบกระเทือนถึงองค์พระมหากษัตริย์

ขณะเดียวกันการเพิ่มเติมในร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้พระมหากษัตริย์ทรงสามารถ "พระราชทานอภัย" คดีความผิดตามมาตรา 112 ที่เกิดขึ้นและยังไม่มีคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดได้ด้วย ก็จะช่วยแก้ปัญหาที่ดำรงอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าการกระทำจะเกิดจากเจตนาของผู้กระทำ หรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือถูกกลั่นแกล้ง

ท้ายที่สุดนี้ พรรคไทยสร้างไทยใคร่ขอให้สังคมตระหนักร่วมกันว่า การนำ "การให้อภัย" มาใช้แก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ดำรงมาอย่างยาวนานจะเกิดผลสัมฤทธิ์ และนำความผาสุกมาสู่ปวงชนชาวไทย

ข่าวเวิร์คพอยท์23

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ข่าวเวิร์คพอยท์ 23

ผอ.สพม.นนทบุรี ยืนยันสาเหตุ นร.ลูกครึ่งไทย-กัมพูชา ดิ่งตึกเสียชีวิต ไม่เกี่ยวกับการบูลลี่เชื้อชาติ

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

รอง ผอ.สำนักพุทธฯ ยืนยัน"เจ้าคุณประสิทธิ์"ยังไม่ลาสิกขา

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"ชาดา"ปธ.กรรมการสอบ 3 สส.ภูมิใจไทย โหวตสวนมติพรรคฯ

2 ชั่วโมงที่ผ่านมา

"วิญญัติ"ทนายความ เผย"ทักษิณ"ไม่กังวลคดีชั้น 14

3 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

ข่าวและบทความยอดนิยม