รองผู้ว่าฯ สงขลาเยี่ยมชายวัย 65 ถูกหัวคะแนน สส.”ชนนพัฒฐ์” ทำร้ายสาหัส สั่งเร่งล่าคนร้าย
จากกรณีหัวคะแนนและคนรู้จักของ นาย ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 พรรคกล้าธรรม เป็นผู้ก่อเหตุทำร้าย ชาย อายุ 65 ปี ชาวบ้านที่ ม.4 ต.ระวะ อ.ระโนด จ.สงขลา จนได้รับบาดเจ็บสาหัสจริง
ความคืบหน้าวันที่ 16 ก.ค. 68 ที่โรงพยาบาลระโนด จ.สงขลา นายสังคม เกิดก่อ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายกฤชณัทท พลรัตน์ นายอำเภอระโนด และนางสุนิสา รามแก้ว ประชาสัมพันธ์จังหวัด เดินทางเข้าเยี่ยมนายเจริญ ทองรัตน์ อายุ 65 ปี ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 4-5 คน อุ้มขึ้นรถตู้ไปรุมทำร้าย เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา บริเวณหมู่ 4 ต.ระวะ อ.ระโนด
เบื้องต้นแพทย์แจ้งว่า นายเจริญกระดูกซี่โครงหัก 2 ซี่ มีบาดแผลที่ศีรษะและนิ้วกลาง แม้อาการดีขึ้นและสามารถลุกเดินได้บ้าง แต่ยังต้องพักฟื้นต่ออีกระยะ
นายเจริญเล่าเหตุการณ์ว่า มีความขัดแย้งในชุมชนหลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ใช้หินปาหลังคาบ้านชาวบ้าน ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ชายฉกรรจ์ 4-5 คนบุกมาที่บ้าน ใช้กำลังทำร้ายและลากตัวขึ้นรถตู้ไปในสภาพเปลือย ก่อนจะถูกรุมซ้อมซ้ำริมชายหาด โดยมีการใช้ปืนจ่อศีรษะบังคับให้รับสารภาพว่าเป็นคนปาหิน ก่อนจะถูกปล่อยทิ้งกลับมาหน้าบ้านในสภาพหมดสติ
ด้านนางบุญเสน่ห์ ทองรัตน์ ภรรยาผู้บาดเจ็บ เผยนาทีสุดช็อก สามีถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา และตนขี่รถซาเล้งตามหาแต่ไม่พบ ก่อนกลับมาพบว่าสามีถูกทิ้งนอนจมกองเลือดหน้าบ้าน ยืนยันว่าข่าวลือที่ว่าสามีเป็นผู้มีอาการทางจิตนั้นไม่เป็นความจริง โดยสามีเคยเป็นพนักงานราชการของแขวงทางหลวงยะลา มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ทุกอย่าง
ขณะเดียวกัน ข่าวลือที่พาดพิงถึง ส.ส.ในพื้นที่ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง เพราะ สส.ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ในวันเกิดเหตุ และยังได้ส่งความช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลมาให้หลังทราบข่าว
นายสังคม เกิดก่อ รองผู้ว่าราชการจังหวัด กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัดให้มาเยี่ยมผู้บาดเจ็บ พร้อมสั่งเร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น หากพบเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการสอบสวนและเอาผิดอย่างถึงที่สุด
สส.”ชนนพัฒน์”รับหัวคะแนนมีเอี่ยวทำร้ายชาวบ้าน ยันไม่ใช่อุ้มและแค่ชกต่อย…
ขณะที่นายอำเภอระโนด ระบุว่าทราบข้อเท็จจริงแล้วทั้งสองฝ่าย และจะประสานเจ้าหน้าที่ อส. และตำรวจดูแลความปลอดภัยให้กับครอบครัวผู้บาดเจ็บทั้งที่บ้านและโรงพยาบาล เนื่องจากยังมีความวิตกกังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างมาก.