24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
>> รถ 10 ล้อพุ่งชนท้ายรถบัสทหาร บาดเจ็บ 19 นาย คนขับรถบรรทุกหนี ส่วนคนนั่งข้างเสียชีวิตที่ รพ.
10.00 น. รับแจ้งว่า เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 10 ล้อติดเครน ชนกับรถบัสของทหารค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล บนถนนหมายเลข 401 ฝั่งมุ่งหน้าสุราษฎร์ธานี บริเวณบ้านถนนพาด หมู่ 13 ตำบลทุ่งปรัง อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่งผลให้รถทั้งสองคันเสียหลักตะแคงตกลงข้างทาง
ขณะเกิดเหตุ รถบัสทหาร มีเจ้าหน้าที่รวม 22 นาย เดินทางกลับจากการปฏิบัติงานจิตอาสาช่วยเหลือกิจกรรมทางศาสนาในพื้นที่ โดยเบื้องต้น มีทหารได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 19 ราย เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากมูลนิธิเพชรเกษมสิชล ใต้เต็กตึ๊งสิชล กู้ชีพตำบลทุ่งใส กู้ภัยสยาม และรถพยาบาลโรงพยาบาลสิชล เข้าร่วมสนับสนุนการช่วยเหลือและนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน
ในส่วนของรถบรรทุก 10 ล้อ พบว่ามีผู้โดยสาร 2 คน โดยคนขับได้หลบหนีออกจากที่เกิดเหตุทันที ส่วนคนนั่งข้างถูกช่วยเหลือนำส่งโรงพยาบาลสิชล แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการสอบถาม พันตรีสมศักดิ์ กลับวิลา ผู้บังคับกองร้อยค่ายฝึกการรบพิเศษสิชล และนายศุภโชค จุฬะแพทย์ หัวหน้าหมวดทางหลวงสิชล ซึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ก่อนเกิดเหตุ รถบัสของทหารได้จอดพักอยู่ริมถนนหน้าร้านซ่อมแอร์ ก่อนจะถูกรถบรรทุกสิบล้อที่ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนจากด้านหลังอย่างแรง
ทั้งนี้ กล้องหน้ารถของผู้ที่ขับตามหลัง สามารถบันทึกภาพรถสิบล้อในลักษณะขับส่ายไปมาก่อนเกิดเหตุ คาดว่าคนขับอาจเกิดอาการหลับใน โดยขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการสืบสวนและติดตามตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> ผบ.ตร. สั่งการตำรวจทุกพื้นที่รับมือหากเกิดอุทกภัย กำชับเตรียมความพร้อมดูแลประชาชน
10.46 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ให้หน่วยต่างๆ ทั่วประเทศรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบว่ามีสถานการณ์อุทกภัย สาธารณภัย ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา จึงได้กำชับเร่งให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ประสบเหตุอย่างทันท่วงที พร้อมดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อำนวยความสะดวกการจราจรในพื้นที่ประสบอุทกภัย รวมทั้งดูแลในส่วนของข้าราชการตำรวจ และสถานที่ราชการของตำรวจที่ได้รับผลกระทบด้วย
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำชับตำรวจทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ประสบอุทกภัย เตรียมความพร้อมในการรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยประชาชน และจัดระบบการจราจรในพื้นที่ประสบภัยและพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนสนับสนุนกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่ ตามแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ.2564 – 2570 โดยเน้นย้ำให้ติดตามสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของการเกิดสาธารณภัยต่างๆ เช่น น้ำท่วมฉับพลันน้ำล้นตลิ่ง น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม และการประกาศเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
>> สืบนครบาล รวบโจรแสบปลอมเป็นช่างตระเวนลักตู้สายอินเตอร์เน็ต พบก่อเหตุ 29 เคส 21 โรงพัก เสียหายกว่า 10 ล้านบาท
11.00 น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และฝ่ายสืบสวน สน.เพชรเกษม สน.บางขุนเทียน และเจ้าหน้าที่ บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด มหาชน ร่วมกันแถลงข่าวจับกุม ผู้ต้องหา 2 ราย หลังก่อเหตุลักทรัพย์สายไฟอินเตอร์เน็ต ตู้สัญญาณโทรศัพท์ ของบริษัท และอุปกรณ์สายไฟต่าง ๆ ส่งผลให้สัญญาณอินเตอร์ในโรงพยาบาลและหน่วยงานราชการ ในพื้นที่นครบาล รวมความเสียหาย มูลค่า 10 กว่าล้าน โดยจับกุมได้ที่ ซอย กำนันแม้น 5 เขตจอมทอง กทม. พร้อมของกลาง รถกระบะ 1คัน, เครื่องมือในการก่อเหตุ สายสัญญาณ อินเตอร์เน็ตไฟเบอร์ออปติกและทองแดง ตู้เหล็กชุมสาย และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หลายรายการ
จากการสอบสวน ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ตนจะตระเวนลักตู้ชุมสาย ที่อยู่ริมถนน ในช่วงเวลากลางคืนโดยจะสวมรอยมาเป็นเจ้าหน้าที่มีการนำอุปกรณ์ในการให้สัญญาณในเวลากลางคืนอาทิเช่นกรวย กระบองไฟ ไฟสัญญาณฉุกเฉิน ให้เหมือนการซ่อมบำรุงทั่วไป จากนั้นจะใช้ หินเจีย ในการตัดสายไฟ แล้วยกตู้ขึ้นรถนำกลับมาที่บ้านพักแล้วแยกชิ้นส่วนขายได้ประมาณตู้ละ 2,000 บาท ที่ได้อ้างว่านำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวแต่จากการตรวจสอบประวัติทั้งสองพบว่าเคยมีคดียาเสพติดและลักทรัพย์
เบื้องต้นแจ้งข้อหา ร่วมกันรับทรัพย์ร่วมกันลักทรัพย์ ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะ โดยทำอันตราย ต่อสิ่งกีดกั้นหรือพาทรัพย์นั้นไปหรือรับของโจร นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม และอยู่ระหว่างขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
>> ทหารกัมพูชา ยิงโจมตีโรงพยาบาล-ชุมชนฝั่งไทย
11.04 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ทหารกัมพูชา ใช้อาวุธยิงโจมตีโรงพยาบาลพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
โดยกระทรวงสาธารณสุข รายงานว่า จากเหตุปะทะบริเวณปราสาทตาเมือนธม ขณะนี้สถานบริการของกระทรวงสาธารณสุขเริ่มปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุ โดยโรงพยาบาลพนมดงรัก เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหมดแล้ว ส่วนโรงพยาบาลกาบเชิง กำลังเคลื่อนย้ายคนไข้ตามแผน แต่ล่าสุดโรงพยาบาลพนมดงรักถูกโจมตี
ด้าน นพ.ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์ เปิดเผยว่า ตามที่มีรายงานข้อมูลจากโรงพยาบาลพนมดงรัก ยืนยันว่าได้รับผลกระทบจากการโจมตีจากเขตพื้นที่สู้รบจริง ซึ่งยังไม่มีการระบุชนิดของอาวุธ แต่เป็นอาวุธหนัก
>> "สีกากอล์ฟ" โดนแจ้งข้อหาเพิ่ม ปมโกหกยอดเสียพนัน ตร.เตรียมนิมนต์พระ 2 รูปเอี่ยวเว็บพนัน
12.51 น. ที่ ทัณฑสถานหญิงกลาง พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผู้บังคับการ สอท.1 พร้อมพนักงานสอบสวน เข้าแจ้งข้อหา "ลักลอบเล่นพนันออนไลน์" เพิ่มกับ "สีกากอล์ฟ" หลังพบข้อมูลการเล่นพนันตั้งแต่ปี 64 ไม่ตรงกับคำให้การ อ้างเล่นเสียครั้งละ 5 แสนบาท แต่ตรวจพบเส้นทางการเงินมีเพียงหลักพันถึงหมื่นบาท
นอกจากนี้ ยังพบพฤติกรรมเล่นเว็บพนันอีกแห่ง และมีการอำพรางโดยใช้บัญชีนิติบุคคล เบื้องต้นยังไม่พบเชื่อมโยงเงินวัดหรือตัวพระสงฆ์ แต่ไม่ตัดประเด็นทิ้ง
ขณะเดียวกัน ตำรวจพบพระสงฆ์อีก 2 รูป มีธุรกรรมโยงเว็บพนัน คาดเล่นจริง เตรียมนิมนต์มาให้ข้อมูล ทั้งนี้พระ 2 รูปไม่เกี่ยวกับ 13 รูปที่ลาสิกขาไปก่อนหน้า
สำหรับข้อหาใหม่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 1,000 บาทต่อกรรม ส่วนข้อหาฟอกเงินและร่วมจัดให้เล่นพนัน ตำรวจยังไม่พบหลักฐาน แต่ยังสอบสวนต่อเนื่อง
>> รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถบรรทุก มีผู้เสียชีวิต 2 ราย
14.30 น. รับแจ้งจาก มูลนิธิสุขศาลานุเคราะห์นครปฐม มีอุบัติเหตุ รถนั่งส่วนบุคคลชนกับรถบรรทุก 6 ล้อ และมีผู้บาดเจ็บสาหัสติดค้างภายในยานพาหนะ บนถนนหมายเลข 3296 ใกล้เคียงวัดเกาะแรด ต.บางปลา อ.บางเลน จ.นครปฐม
ที่เกิดเหตุ พบรถนั่งส่วนบุคคล โตโยต้า สีดำ ลักษณะชนกับรถบรรทุก 6 ล้อ ฮีโน่ สีขาว ป้ายทะเบียน สระบุรี ตรวจสอบพบว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 ราย โดยเป็นผู้ชาย 2 ราย คือคนขับรถบรรทุกและผู้โดยสารรถเก๋ง ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.ใกล้เคียง และพบว่า ภายในรถเก๋ง ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายติดค้าง ทางอาสาดำเนินการใช้เครื่องมือตัดถ่างงัดรถ และนำร่างออกมา ก่อนมอบให้รถกู้ชีพดำเนินการนำส่ง รพ.ดอนตูม, รพ.บางเลน และได้รับแจ้งว่า ได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา เป็นผู้หญิงทั้ง 2 ราย ในส่วนของสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางเลน
>> สพฐ. ห่วงความปลอดภัยนักเรียนและครู โรงเรียนพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ใช้มาตรการความปลอดภัยสูงสุด
15.24 น. ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เผยถึง สถานการณ์ การสู้รบบริเวณแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ว่า ขณะนี้ สพฐ.มีความห่วงใย ความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนพื้นที่ชายแดน 7 จังหวัด
โดย สพฐ. ได้ติดตามสอบถามความเป็นอยู่ รวมถึงดูแลความปลอดภัยของนักเรียนและครูในพื้นที่ดังกล่าว เน้นย้ำสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและโรงเรียนให้ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยในระดับสูงสุด ตามที่ได้สั่งการไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยเฉพาะโรงเรียนใน “พื้นที่สีแดง” ซึ่งมีความเสี่ยงสูงและตั้งอยู่ใกล้แนวชายแดน จำนวนทั้งสิ้น 239 แห่ง ได้มีการจัดสร้างหลุมหลบภัยที่ได้มาตรฐาน และมีการจัดเตรียมระบบสัญญาณเตือนการอพยพเคลื่อนย้ายเด็ก การสำรองอาหาร ยา และอุปกรณ์จำเป็นอย่างเป็นระบบ ทั้งยังมีการซักซ้อมแผนเผชิญเหตุเป็นระยะ เพื่อให้ครูและนักเรียนสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
ทั้งนี้ ไม่ว่าสถานการณ์จะยืดเยื้อหรือเปลี่ยนแปลงในทิศทางใด สพฐ. ขอรับรองว่า เราจะดูแลนักเรียน ครูและบุคลากรอย่างสุดความสามารถ ทั้งในด้านความปลอดภัยทางกายภาพ และด้านจิตใจ โดยพร้อมให้ความร่วมมือกับฝ่ายปกครองในพื้นที่ ให้โรงเรียนเป็นจุดปลอดภัยและเป็นที่พึ่งของนักเรียนและชุมชนในภาวะวิกฤต
>> "ภูมิธรรม" เรียกประชุมด่วน แก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
16.15 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมสภาความมั่นคง และ ครม.วาระพิเศษ แก้ไขสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา
พร้อมยืนยันว่า กัมพูชายั่วยุเปิดฉากยิงก่อน เป้าหมายไม่ชัดเจน ทำให้พลเรือนเสียชีวิต 10 ราย ทหาร 1 ราย จึงมอบหมายให้ผู้นำจังหวัดชายแดน ดูแลประชาชน และอพยพออกห่างชายแดน 50 กิโลเมตร
ทั้งนี้ ยังไม่พูดคุยกัมพูชาจนกว่าสถานการณ์จะยุติ ตอนนี้ไม่มีประกาศสงคราม แต่มอบอำนาจกองทัพตัดสินใจดูแลเหตุการณ์ ก่อนรายงานรัฐบาล แต่ย้ำต้องอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่จำเป็นดึงต่างประเทศเป็นตัวกลางเจรจา พร้อมเผย "มาริษ" คุยยูเอ็นแล้ว ย้ำปฏิบัติการทางทหารจะยุติเร็วที่สุด
"รัฐบาลมีความห่วงใย ประชาชนและยืนยันเราไม่ยอมสูญเสียอธิปไตยของประเทศ เราป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ และให้ความมั่นใจกับประชาชนว่ารัฐบาลจะรับผิดชอบและดูแลความปลอดภัย ทำทุกอย่างเท่าที่เงื่อนไขเราจะทำได้"
>> “สมศักดิ์” ประณามการโจมตี รพ.ไทย เป็นการกระทำไร้มนุษยธรรม
16.39 น. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อม กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมี นายชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม พร้อมกล่าวว่า ได้รับทราบเหตุการณ์ที่กัมพูชาเปิดฉากโจมตี รพ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ และ รพ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ รวมถึงพื้นที่พลเรือนในอีกหลายจังหวัดตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นการคุกคามอธิปไตยของชาติและเหยียบย่ำคุณค่าความเป็นมนุษย์เกินกว่าจะยอมรับ
โดยข้อมูลเมื่อเวลา 14.15 น. พบว่า มีประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ 35 ราย และเสียชีวิต 11 ราย ทหารบาดเจ็บ 8 นาย แบ่งเป็น จ.สุรินทร์ ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย จำนวนนี้เป็นเด็กอายุ 8 ขวบ 1 ราย มีผู้บาดเจ็บสาหัส 1 ราย ปานกลาง 3 ราย ทหาร บาดเจ็บสาหัส 3 นาย ปานกลาง 1 นาย และเล็กน้อย 1 นาย จ.อุบลราชธานี ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 4 ราย จ.ศรีสะเกษ ประชาชนเสียชีวิต 8 ราย จำนวนนี้เป็นเยาวชนอายุ 15 ปี 1 ราย บาดเจ็บสาหัส 3 ราย ปานกลาง 8 ราย เล็กน้อย 4 ราย ทหารเสีย 1 นาย บาดเจ็บเล็กน้อย 2 นาย และ จ.บุรีรัมย์ ประชาชนบาดเจ็บปานกลาง 1 ราย
"กระทรวงสาธารณสุขขอประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโรงพยาบาลและประชาชนชาวไทย ถือเป็นการกระทำละเมิดกฎหมายมนุษธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงละเมิดมาตรา 18 อนุสัญญาเจนีวาอย่างร้ายแรง ที่ระบุไว้ว่า โรงพยาบาลพลเรือนต้องไม่ถูกโจมตีไม่ว่าสถานการณ์ใดๆ และต้องได้รับความเคารพและคุ้มครองจากคู่ขัดแย้งตลอดเวลา อีกทั้งมีเด็กผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตด้วย ซึ่งการทำร้ายเด็กเป็นการกระทำที่น่าละอายและไม่อาจให้อภัยได้อย่างที่สุด" นายสมศักดิ์กล่าว
>> ผบ.ตร. ถกคณะกรรมการฯ เร่งตรวจสอบข้อมูลวัดทั่วประเทศ – ดันติดตั้ง e-Donation ครบทุกวัด เสริมความมั่นคงพุทธศาสนา
16.42 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงในพระพุทธศาสนา โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมพิจารณาร่างกฎมหาเถรสมาคมฉบับใหม่ พร้อมวางแนวทางตรวจสอบข้อมูลวัดทั่วประเทศกว่า 30,000 แห่ง
ที่ประชุมได้แบ่งหน้าที่ให้ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และสำนักงานพระพุทธศาสนาในแต่ละจังหวัด ร่วมกันสำรวจและรวบรวมข้อมูลวัด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นหน่วยงานหลักในการรวบรวมและรายงานผล ศ.ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ เผย การลงโทษพระภิกษุที่กระทำผิดจะต้องเร่งรัด ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น พร้อมเชื่อมโยงข้อมูลจากทุกหน่วยงาน โดยเฉพาะตำรวจ
ที่ประชุมยังเสนอให้วัดจัดเก็บข้อมูลบัญชีอย่างเป็นระบบ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดยอดเงิน เพื่อป้องกันการใช้บัญชีที่ถูกยกเลิก พร้อมหารือการควบคุมการสร้างวัตถุมงคล ป้องกันการแอบอ้างชื่อวัดหาผลประโยชน์ สำหรับระบบบริจาคออนไลน์ (e-Donation) ซึ่งติดตั้งแล้วกว่า 20,000 วัด คณะกรรมการฯ เตรียมผลักดันให้ครอบคลุมครบทุกวัด เพื่อสร้างความโปร่งใสและความมั่นใจแก่ผู้บริจาค
คณะกรรมการฯ มอบหมายทุกหน่วยเร่งดำเนินการตามข้อสั่งการ ใช้ข้อมูลวัดทั่วประเทศเป็นฐานสำคัญในการดูแลพระพุทธศาสนาอย่างยั่งยืน
>> ในหลวง ทรงรับผู้บาดเจ็บไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ จากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนไทย - กัมพูชา
18.00 น. ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี จำนวน 10 ตะกร้า กำลังพลหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบทุ่นระเบิด ขณะทำการลาดตระเวนเส้นทางจากฐานปฏิบัติการมรกตไปยังเนิน 481 ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม 2568 และเข้ารับการรักษาพยาบาล ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ
จากนั้น ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเดชอุดม อำเภอเดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่ นายปอด โจรสา และนายวงศ์ธวัช แก้วคัน และเชิญกระเช้าและแจกันดอกไม้พระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ไปมอบแก่นายรัฐศาสตร์ บุญจันทร์ ที่โรงพยาบาลศูนย์สรรพสิทธิประสงค์อุบลราชธานี ทั้งหมดเป็นราษฎรที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568
ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมทรงรับผู้บาดเจ็บทั้งหมด ไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ และทรงรับศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ด้วย
>> แผ่นดินไหว ขนาด 3.6 ภายในพื้นที่เมืองปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
19.45 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.6 ควมลึก 2 กม. ภายในพื้นที่ของ ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ยังไม่มีรายงานการรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือน
>> ในหลวง - พระราชินี พระราชทานสิ่งของแก่ผู้บาดเจ็บจากเหตุชายแดน จ.สุรินทร์
20.00 น. ณ ตึกอตุลเมตตา โรงพยาบาลสุรินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ เชิญดอกไม้และตะกร้าสิ่งของพระราชทาน มอบแก่ นายอภิสิทธิ์ บุญแต่ง ราษฎรอำเภอพนมดงรัก ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย–กัมพูชา เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ
จากสถานการณ์ความขัดแย้งดังกล่าว มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระเมตตาและทรงห่วงใยต่อผู้ประสบเหตุทุกเชื้อชาติ โดยโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญดอกไม้และสิ่งของพระราชทานไปมอบแก่ผู้บาดเจ็บที่รักษาตัวในโรงพยาบาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
>> ก.สาธารณสุข รายงานสรุป "ผู้เสียชีวิต-บาดเจ็บ" จากเหตุทหารไทยปะทะกัมพูชา เสียชีวิตแล้ว 14 ศพ
21.00 น. ดร.นพ.วรตม์ โชติพิทยสุนนท์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุข (ในสถานการณ์สู้รบชายแดน) รายงานจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตล่าสุด จากสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ รวมผู้เสียชีวิตจำนวน 14 ราย (เจ้าหน้าที่ทหาร 1 นาย) และผู้บาดเจ็บ 46 ราย (เจ้าหน้าที่ทหาร 15 นาย) ขณะที่ ดร.นพ.วรตม์ ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พร้อมให้กำลังใจพี่น้องคนไทยทุกคนทั้งทหารและพลเรือน โดยยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าเยียวยาและปกป้องคนไทยอย่างเต็มกำลังความสามารถ
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศ สปป.ลาว
21.39 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 3.6 ความลึก 4 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศ สปป.ลาว ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของ บ้านน้ำช้าง ต.ขุนน่าน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ประมาณ 81 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย