POP: แม่นจริงไหม? ‘The Future I Saw’ มังงะทำนายอนาคต กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งหลังแผ่นดินไหวรัสเซีย
ในช่วงเดือนที่ผ่านมาหลังจากที่มีเหตุการณ์ภัยพิบัติเกิดขึ้นในหลายประเทศ โดยเฉพาะแผ่นดินไหวขนาด 8.8 ที่นอกชายฝั่งคาบสมุทรคัมชัตกา ประเทศรัสเซีย และ บริเวณหมู่เกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มังงะที่ชื่อว่า ‘The Future I Saw’ ก็ได้กลับมาถูกพูดถึงอีกครั้งในโลกออนไลน์ ด้วยความเชื่อที่ว่ามังงะเล่มนี้ทำนายอนาคตได้จริง!
‘The Future I Saw’ เป็นผลงานของนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า ‘เรียว ทัตสึกิ’ (Ryo Tatsuki) ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1999 บอกเล่าเรื่องราวของเธอที่ได้รับนิมิตบอกเหตุการณ์ล่วงหน้าผ่านความฝัน ซึ่งบางเหตุการณ์กลับมีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในโลก เช่น ทำนายการเสียชีวิตของเจ้าหญิงไดอานาและเฟรดดี เมอร์คิวรี เป็นต้น แต่ก็มีหลายคนที่แย้งว่านิมิตของเธอที่เขียนในมังงะนั้นคลุมเครือเกินกว่าจะถือเป็นเรื่องจริงจังได้
แต่จุดที่ทำให้มังงะเรื่องนี้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้าง คือคำทำนายเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และคลื่นสึนามิที่ถล่มญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 ซึ่งตรงกับข้อความที่เขียนไว้บนหน้าปกของเล่มว่า “ภัยพิบัติครั้งใหญ่ในเดือนมีนาคม 2011” ทำให้หลายคนเชื่อว่าเธอสามารถทำนายแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นที่โทโฮคุได้ล่วงหน้ากว่าทศวรรษ
หลังจากนั้น The Future I Saw ก็กลายเป็นกระแสมาเรื่อยๆ จนกระทั่งในปี 2021 ทัตสึกิก็ได้ตีพิมพ์ The Future I Saw: Complete Edition ซึ่งเป็นฉบับสมบูรณ์ โดยเล่มนี้มีคำทำนายเพิ่มเติมว่าจะเกิดแผ่นดินไหวในทะเลฟิลิปปินส์วันที่ 5 กรกฎาคม 2025 และจะก่อให้เกิดคลื่นสึนามิที่สูงกว่าครั้งโทโฮคุถึงสามเท่า นั่นจึงทำให้หลายคนกังวลว่าคำทำนายในมังงะจะเป็นจริงเหมือนที่เคยเกิดขึ้นในปี 2011
ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาก็ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นหลายพื้นที่เป็นระยะๆ จริง ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้คำทำนายใน The Future I Saw ถูกพูดถึงขึ้นมากเรื่อยๆ จนเจ้าของผลงานต้องออกมาเขียนจดหมายเกี่ยวกับคำทำนายของตัวเองเป็นลายลักษณ์อักษรลงบนหนังสือพิมพ์ว่า
“ฉันมองเรื่องนี้อย่างเป็นกลางมาตลอด การที่ประชาชนให้ความสนใจในระดับสูงแสดงให้เห็นถึงความตระหนักรู้ในการป้องกันภัยพิบัติที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งฉันมองว่าเป็นปรากฏการณ์เชิงบวกอย่างยิ่ง หวังว่าความใส่ใจนี้จะช่วยพัฒนามาตรการและการเตรียมการด้านความปลอดภัยให้เป็นรูปธรรม”
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ล่าสุดที่รัสเซียไม่ได้เกิดขึ้นในวันที่ 5 กรกฎาคมตามคำทำนาย อีกทั้งจุดศูนย์กลางยังอยู่ห่างจากที่ระบุไว้หลายพันกิโลเมตร และคลื่นสึนามิที่เกิดขึ้นจริงในญี่ปุ่นก็มีความสูงเพียง 4.3 ฟุต ซึ่งต่ำกว่าคลื่นสูง 30 ฟุตในปี 2011 อย่างมาก
ที่น่าสนใจคือ มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยที่เชื่อคำทำนายนี้และตัดสินใจยกเลิกการเดินทางไปญี่ปุ่นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยอ้างถึงคำเตือนลักษณะเดียวกันจากหมอดูในญี่ปุ่นและฮ่องกง ประกอบกับผู้จัดการบริษัททัวร์ WWPKG ในฮ่องกงที่เปิดเผยว่า ยอดจองทัวร์ญี่ปุ่นในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคมลดลงถึง 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ไม่ว่าจะเชื่อถือคำทำนายมากน้อยเพียงใด แต่ประเทศญี่ปุ่นก็ยังคงเฝ้าระวังภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นอย่างเต็มที่ โดยในสัปดาห์นี้ทางการท้องถิ่นของญี่ปุ่นก็ได้ออกคำสั่งอพยพผู้คนมากกว่า 2 ล้านคนในพื้นที่ชายฝั่งที่มีความเสี่ยงสูง ให้รีบอพยพขึ้นสู่ที่สูงทันที
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคมที่ผ่านมา จะใช่เหตุการณ์เดียวกับที่ทัตสึกิเห็นในนิมิตหรือไม่ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ แม้ว่าคลื่นลมจะสงบลงแล้ว แต่เหตุการณ์นี้ก็ได้ทิ้งบทเรียนสำคัญและปลุกให้สังคมญี่ปุ่นตื่นตัว พร้อมรับมือกับภัยพิบัติที่อาจมาเยือนในอนาคตได้อย่างไม่ประมาท