‘สุดารัตน์’ ผ่าตัดประเทศครั้งใหญ่ ชี้ไทยป่วยหนักเพราะผู้นำขาดวิสัยทัศน์
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคไทยสร้างไทย จัดสัมมนาโครงการจัดทำแผนยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย ภายใต้หัวข้อเศรษฐกิจไทยจะรอดได้อย่างไร โดยภาคเช้าได้รับเกียรติจากวิทยากรด้านเศรษฐศาสตร์ร่วมให้ความรู้ ขณะที่ช่วงบ่ายเป็นการอภิปรายถึงแนวทางการสร้างอุดมการณ์ ยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคไทยสร้างไทยสำหรับอนาคตประเทศไทย
โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง โดยจีดีพีเติบโตต่ำเพียง 1.5-2 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่กำลังซื้อของประชาชนลดลงอย่างต่อเนื่อง รายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่าย และประเทศกำลังสูญเสียความสามารถในการแข่งขันในระดับโลก เปรียบว่าประเทศไทยวันนี้ เหมือนคนแก่ที่ยากจนและกำลังป่วยหนัก
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า รากเหง้าของปัญหาเศรษฐกิจและสังคมที่รุมเร้าไทยในปัจจุบัน มาจากการบริหารประเทศที่ล้มเหลว ทั้งด้านการศึกษา โครงสร้างเศรษฐกิจล้าหลัง ค่าแรงสูง ขาดนวัตกรรม และเข้าสู่สังคมสูงวัยโดยไม่มีการเตรียมความพร้อม ขณะเดียวกัน โครงสร้างงบประมาณที่ล้าสมัย กลับเปิดช่องให้มีการทุจริตสูงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ในบางโครงการ และกฎหมายต่าง ๆ ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนและการประกอบอาชีพ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า อีกประเด็นสำคัญคือการเมืองที่เสื่อมถอย โดยเฉพาะการใช้เงินจำนวนมหาศาลในการซื้อเสียงในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนถึงระบบการเมืองที่ขาดวิสัยทัศน์ มุ่งเน้นเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า ส่งผลให้การใช้นโยบายประชานิยมระยะสั้น กลายเป็นทางเลือกหลักของนักการเมือง และเป็นช่องทางในการหาผลประโยชน์จากโครงการรัฐ
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวอีกว่า ตนเสนอ 3 แนวทางสำคัญ เพื่อผ่าทางตันของประเทศดังนี้ 1.สร้างการเมืองสุจริตเพื่อต่อสู้กับการเมืองทุจริต 2.กล้าผ่าตัดโครงสร้างเดิม ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจ 3.การธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ที่เป็นที่ยึดโยงคนในชาติไว้ด้วยกัน ทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์ และศาสนา
ด้าน ดร.โภคิน พลกุล ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเสี่ยงเป็นรัฐล้มเหลว จากปัญหาคอร์รัปชั่น การเมืองไร้จริยธรรม และระบบราชการที่ไร้ประสิทธิภาพ พร้อมชี้ว่าไทยไม่สามารถปรับตัวตามโลกที่เปลี่ยนแปลงได้ทัน ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า สินค้าราคาถูกจากต่างชาติ ปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือการใช้เทคโนโลยีและเอไอที่รัฐบาลยังไม่จริงจัง
ขณะที่ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยเคยมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจจากการส่งออกและดึงดูดการลงทุน แต่ในยุคปัจจุบัน จำเป็นต้องคิดใหม่และลดการพึ่งพาภายนอก หันมาเน้นการผลิตในประเทศ การปฏิรูปกฎหมาย สนับสนุน SMEs อย่างแท้จริง และใช้วิทยาศาสตร์-สติปัญญาแทนความเชื่อแบบเดิม
นายสุรนันทน์ กล่าวอีกว่า วิทยากรที่ร่วมบรรยาย ต่างเห็นพ้องว่าประเทศจำเป็นต้องปฏิรูปโครงสร้างทั้งการเมือง การบริหาร และระบบเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน หากยังคงปล่อยให้น้ำเน่า หมายถึงการเมืองที่ทุจริตไหลเวียนอยู่ ปลาแม้จะแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่อาจอยู่รอดได้ พร้อมย้ำว่าประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนประเทศอย่างแท้จริง เพื่อฟื้นความหวังของชาติไทยในอนาคต