PL 2025/26: เปิดเทอมใหม่ มีอะไรใหม่ๆ ในพรีเมียร์ลีกบ้าง?
ไม่ว่าคุณจะรู้สึกพร้อมแล้วหรือไม่ และทีมของคุณจะพร้อมแค่ไหน ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกจะกลับมาอีกครั้งแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป!
แน่นอนว่าการกลับมาครั้งนี้ถึงจะห่างจากฉากสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้วเพียงแค่เกือบ 3 เดือน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะมากหรือน้อย
มีอะไรใหม่ๆ ที่น่าสนใจหรือน่ารู้บ้างสำหรับลีกฟุตบอลอันดับหนึ่งของโลก มาลองเรียบเรียงกันทีละอย่างสองอย่างไปด้วยกันนะ!
กฎใหม่น่ารู้
อย่างแรกต้องว่ากันด้วยเรื่องสำคัญที่สุดก่อน อย่างเรื่องของกฎใหม่ที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ โดยมีด้วยกัน 3 อย่างด้วยกันได้แก่
1. กฎ 8 วินาที
กฎใหม่ว่าด้วยระยะเวลาการถือลูกฟุตบอลของผู้รักษาประตูที่ห้ามเกินกว่า 8 วินาที โดยหากถือเกินกว่านี้จะถือว่าเป็นการถ่วงเวลาและจะถูกลงโทษเป็นการเสียลูกเตะมุมให้แก่ฝ่ายตรงข้าม ซึ่งก่อนหน้านี้จริงๆ ฟุตบอลมีกฎ ‘6 วินาที’ ที่ห้ามผู้รักษาประตูถือบอลนานกว่านั้น แต่ไม่ได้ปฏิบัติกันอย่างจริงจังมากนัก แต่ครั้งนี้ผู้ตัดสินจะมีการ ‘นับถอยหลัง’ 5 วินาทีเพื่อเป็นการเตือนด้วย
2. ไม่ใช่กัปตันถอยไป
ความพยายามของพรีเมียร์ลีกและรายการฟุตบอลทั่วโลกในการปกป้องผู้ตัดสินยังดำเนินต่อไป โดยในฤดูกาลนี้มีการบังคับใช้กฎใหม่ที่จะอนุญาตให้เฉพาะกัปตันของแต่ละทีมมารับฟังและโต้แย้งกับผู้ตัดสินได้ในระหว่างเกม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการรุมล้อมผู้ตัดสิน โดยที่ผู้เล่นที่ไม่ใช่กัปตันแล้วฝ่าฝืนจะโดนลงโทษใบเหลือง (ส่วนกรณีถ้ากัปตันเป็นผู้รักษาประตูจะอนุญาตให้มีผู้แทนหนึ่งคนในสนามได้)
3. Double-kick ได้ยิงใหม่
จำลูกยิงปัญหาของ ฮูเลียน อัลวาเรซ ในเกมแชมเปียนส์ลีกกับเรอัล มาดริดฤดูกาลที่แล้วได้ไหม? ที่จังหวะจะยิงแล้วลื่นจนเท้าสัมผัสโดนบอล 2 จังหวะ ซึ่งสุดท้าย VAR ตัดสินว่าเป็นการทำฟาวล์ และล่าสุดในฟุตบอลยูโรหญิงก็มีเหตุการณ์แบบเดียวกันของ เบธ มีด ทีมชาติอังกฤษ
ลูกลักษณะนี้ ถ้าเกิดขึ้นอีกผู้ตัดสินจะอนุญาตให้กลับมายิงใหม่อีกครั้งแทน ในวงเล็บคือจังหวะยิงปัญหาครั้งแรกต้องยิงเข้า ถ้ายิงไม่เข้าก็ซวยไป
นอกเหนือจากนี้ยังมีกฎเล็กๆ น้อยๆ อีก เช่น ลูกดรอปบอล ผู้ตัดสินอาจจะให้แก่ทีมที่ไม่ได้สัมผัสบอลในจังหวะสุดท้ายก่อนเกมจะหยุด ถ้าผู้ตัดสินพิจารณาว่าพวกเขาควรจะได้ครองบอล ถ้าโค้ชหรือผู้เล่นสำรองนอกสนามมาสัมผัสบอลก่อนที่บอลจะออกจากสนามต่อให้บอลจะออกชัดเจนก็ตาม จะเป็นลูกฟรีคิก 2 จังหวะแทน จังหวะล้ำหน้าที่เกี่ยวข้องกับผู้รักษาประตูโดยเฉพาะที่จะตัดสินจากจังหวะการสัมผัสบอลสุดท้าย (ส่วนผู้เล่นจะดูจังหวะแรกของการส่งบอลเหมือนเดิม)
สตาร์หน้าใหม่เพียบ!
ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลที่พรีเมียร์ลีกดูคึกคักอย่างมากตั้งแต่เปิดตลาดการซื้อขายผู้เล่นมา โดยเฉพาะทีมใหญ่ที่เสริมทัพกันแบบจัดหนักจัดเต็มเอ็มเคบุฟเฟต์สุกี้เลยทีเดียว
เอาแค่นักเตะหน้าใหม่ที่ย้ายมาจากลีกอื่น คัดแบบหัวกะทิแล้วมีดังนี้
- วิคเตอร์ ยอเคอเรส (อาร์เซนอล) ศูนย์หน้าหมายเลข 9 แท้ๆ ที่แฟนอาร์เซนอลเรียกร้องมาเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี และเชื่อว่าจะเป็นจิกซอว์ชิ้นสุดท้ายที่พาทีมไปสู่ความสำเร็จได้
- มาร์ติน ซูบิเมนดี (อาร์เซนอล) ห้องเครื่องที่อาร์เซนอลใช้เวลา 2 ปีในการตามกล่อมจนคว้าตัวมาได้สำเร็จ นี่คือกองกลางตัวคุมจังหวะเกมที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกที่จะยกระดับแดนกลางของทีมกันเนอร์สให้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกชั้น
- ฟลอเรียน เวียร์ตซ์ (ลิเวอร์พูล) จอมทัพคนใหม่แห่งแอนฟิลด์ นักเตะพรสวรรค์ที่คนเยอรมันบอกว่า “ร้อยปีจะมีสักคน” ซึ่งในเวลานี้เป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวการย้ายทีมสูงที่สุดในตลาดการซื้อขายฤดูร้อนนี้ที่ 116 ล้านปอนด์
- อูโก เอคิติเก (ลิเวอร์พูล) กองหน้าตัวเป้าคนใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้แก่แฟนลิเวอร์พูล ด้วยประตูสุดสวยในเกมคอมมิวนิตีชิลด์ และการเล่นที่น่าประทับใจทั้งการพักบอล ไปกับบอล และการมีส่วนร่วมกับทีม ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากเห็นจากคนเก่าอย่างดาร์วิน นูนเยซ และไม่เคยได้เห็น
- เอสเตเวา (เชลซี) ปกติแล้ววันเดอร์คิดจากบราซิลจะต้องเก็บข้าวของไปเรอัล มาดริด แต่สำหรับเอสเตเวา เชลซีสามารถลักพาตัวเด็กหนุ่มที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์คนนี้มาจากพัลไมรัสได้สำเร็จ และแค่ไม่กี่เกมที่ลงในนัดอุ่นเครื่องเด็กคนนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีโอกาสเป็นขวัญใจของแฟนบอลได้ไม่ยาก และจะเป็นตัวทีเด็ดที่เอ็นโซ มาเรสกา พร้อมเรียกใช้งานได้แน่นอน
- ทิยานี เรนเดอร์ส (แมนฯ ซิตี้) 2 ฤดูกาลแล้วที่รู้สึกว่าแมนฯ ซิตี้ เครื่องยนต์เดินไม่สะดวกนัก การได้ตัวกองกลางไดนามิกทีมชาติเนเธอร์แลนด์คนนี้มาร่วมทีมจะเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่บิดสตาร์ตเกมให้เรือใบสีฟ้าได้อย่างแน่นอน ถึงอาจจะไม่น่าตื่นเต้นเท่าทีมอื่นก็ตาม
- เบนจามิน เซสโก (แมนฯ ยูไนเต็ด) หนึ่งในกองหน้าสุดฮอตที่ทีมทั่วยุโรปเฝ้าเทียวไล้เทียวขื่ออยู่นาน แต่สุดท้ายเป็น ‘ปีศาจแดง’ ที่กระชากตัวมาร่วมทีมได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นสุดยอดดีลที่ต้องปรบมือให้ทีมซื้อขายของอดีตแชมป์ 20 สมัยเลยทีเดียว เพราะเซสโกเป็นศูนย์หน้าที่ครบเครื่องและมีศักยภาพจะไปได้ไกลที่สุดคนหนึ่งของโลก ในวงเล็บว่าขึ้นอยู่กับฝีมือของรูเบน อโมริม แล้วว่าจะพาเขาไปได้ไกลแค่ไหน
เทรนด์แท็กติกใหม่
สำหรับสายแท็กติกปีนี้จะเป็นปีที่พวกคุณน่าจะดูฟุตบอลได้สนุกจริงๆ เพราะมีการคาดกันว่าจะเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องการวางแผนการเล่นของทีมต่างๆ เยอะมาก เช่น
1. แบ็กลอยฟ้า (Flying full-back)
หลังจากที่เกิดเทรนด์ ‘แบ็กหุบใน’ (Inverted full-back) ที่ให้ผู้เล่นตำแหน่งฟูลแบ็กหนึ่งคนในแต่ละทีมหุบเข้ามาช่วยเชื่อมเกมตรงกลางสนามเพื่อเติมจำนวนผู้เล่นในแดนกลางมาหลายปี แต่ในปีนี้เชื่อว่าเราจะได้เห็นการกลับมาของเหล่าแบ็กจอมบุกที่เติมกันไฟแลบแน่นอน โดยเฉพาะแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลที่ปีนี้ได้แบ็กใหม่ 2 ข้างทั้งมิลอส เคอร์เคซ และเจเรมี ฟริมปง
2. The Lavolpiana
แท็กติกเก่าที่วนกลับมาใหม่ กับการให้กองกลางตัวรับลงมาล้วงบอลในแดนหลังในจังหวะบิลด์อัป แล้วทิ้งบอลยาวไปให้กับเพื่อนที่จะต้องรีบดันเกมขึ้นไปแดนหน้า โดยเฉพาะแบ็กสองข้างเพื่อกดแนวรับของคู่แข่งเอาไว้
ตัวอย่างทีมที่เล่นแบบนี้คือนิวคาสเซิล ที่ใช้ ซานโดร โตนาลี ลงมาล้วงบอลแล้วสาดไปข้างหน้าอย่างแม่นยำ เช่นเดียวกับ ยูรี ตีเลอมันส์ ห้องเครื่องแอสตัน วิลลา ที่ทำในแบบเดียวกัน เพียงแต่เงื่อนไขของแท็กติกนี้คือกองกลางต้องวางบอลแม่น และมีผู้เล่นริมเส้นที่เร็วมากพอ
ส่วนชื่อ ‘Lavolpiana’ เป็นการตั้งชื่อตาม ริคาร์โด ลา โวลเป กุนซือชาวอาร์เจนตินาผู้คิดค้นสูตรนี้ขึ้นในอดีต
3. 3-4-2-1 กำลังจะมา
ในฤดูกาลที่แล้ว รูเบน อโมริม ถูกตั้งคำถามอย่างหนักถึงการยึดติดกับระบบการเล่นแบบ 3-4-2-1 โดยไม่ยืดหยุ่นให้กับลูกทีมที่เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถปรับตัวเข้ากับระบบการเล่นนี้
แต่ถ้าบอกว่าระบบนี้กำลังจะเป็น ‘เทรนด์’ ใหม่ของพรีเมียร์ลีกแทนที่ระบบการเล่นแบบ 4-3-3 ที่รันวงการมานานจะเชื่อไหม โดยนอกจากอโมริมแล้วกุนซือที่ใช้ระบบนี้อีกคือ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ที่พาคริสตัล พาเลซ เป็นแชมป์เอฟเอ คัพและสดๆ ร้อนๆ กับคอมมิวนิตี้ชิลด์ เช่นกันกับวิเตอร์ เปเรรา ที่พลิกชีวิตให้วูล์ฟส์ได้
ขณะที่ตัวเลขสถิติที่น่าสนใจที่ซ่อนอยู่คือในฤดูกาล 2024/25 มีถึง 120 ครั้งที่ทีมในพรีเมียร์ลีกใช้แผนการเล่นนี้ในระหว่างเกม ซึ่งสูงขึ้นกว่าในฤดูกาล 2019/20 ที่มีแค่ 25 ครั้ง และนี่คือสิ่งที่บอกว่า ‘เทรนด์’ นี้กำลังจะมา
ลูกบอลใหม่
สมัยเรียนหนังสือเวลาเปิดเทอมใหม่นอกจากเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว อีกสิ่งที่จะทำให้ตื่นเต้นคือการเห็นใครสักคนในห้องเอาลูกฟุตบอลลูกใหม่มาให้เพื่อนได้เตะบอลเล่นกันด้วย
ปีนี้พรีเมียร์ลีกก็มาพร้อมกับลูกฟุตบอลใหม่เช่นกัน และใหม่แบบใหม่กิ๊กเลย เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 25 ปีที่มีการเปลี่ยนแปลงแบรนด์ผู้สนับสนุนลูกฟุตบอลอย่างเป็นทางการ (Official match ball) จาก Nike มาเป็น Puma ในชื่อรุ่น ‘Orbita Ultimate PL’ ที่มาในสีแปลกตาอย่างสีม่วง ซึ่งก็ดูสวยทันสมัยไปอีกแบบ
แต่เอาจริงนะ…ยังแอบคิดถึงบอลลูกเก่าอยู่เลย
เสื้อใหม่ (ต้องขายไต กี่ข้างถึงจะซื้อครบ)
เมื่อกี้บอกแล้วว่าเปิดเทอมใหม่ก็ต้องมีเสื้อใหม่ และปีนี้ดูเหมือนทุกทีมพร้อมใจกันส่งเสื้อใหม่หน้าตาดีมีกิมมิกที่น่าสนใจลงสนามกันราวกับเป็นการประกวดย่อมๆ เลยทีเดียว
เสื้อที่สร้างความฮือฮามากที่สุดคือการกลับมาของ ‘3 Stripes’ หรือสามแถบของ adidas กับลิเวอร์พูลที่สร้างปรากฏการณ์ยอดขายในช่วงเปิดตัวทะลุเพดาน 700 เปอร์เซ็นต์ ด้วยชุดแข่งที่ให้ฟีลย้อนยุคเล็กน้อยแต่ก็มีความทันสมัยในตัว ใส่เตะบอลก็ได้ (แหงสิ) ใส่ไปเที่ยวก็ดี
แต่ชุดแข่งทีมที่สวยทุกฤดูกาลคืออาร์เซนอลกับ adidas เช่นเดียวกันที่สวยหมดทั้ง 3 ชุด แต่ชุดที่โดนใจเป็นพิเศษคือชุดที่ 3 ที่เป็นเสื้อคอปกสีเปลือกไข่นวลตา ใส่ออกงานสบายๆ นอกจากนี้ก็ยังมีชุดที่ 3 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ย้อนยุคไป 30 ปีถึงยุค ‘กังฟูคิก’ ของเอริค คันโตนา ในชุดสีดำตัดเหลืองที่คลาสสิกสุดๆ ขายไม่ทันกันแน่นอน
สเปอร์ส ชุดเยือนสีดำเข้มขรึมของ Nike ก็หล่อไม่แพ้ใครเหมือนกัน (ส่วนชุดเหย้าไม่ว่ากันมันดิ้นยาก) ขณะที่ชุดเยือนของนิวคาสเซิล สีเขียวจาก adidas ก็ให้ฟีลวินเทจเหมือนกัน (ปีนี้เสื้อ adidas มาทางนี้เยอะ)
สำหรับคนชอบเสื้อนอกกระแสอยากแนะนำเสื้อชุดที่ 3 ของบอร์นมัธ (Umbro) ในชุดสีม่วงอมชมพูที่ใส่เที่ยวสบายๆ เช่นเดียวกับชุดเยือนสีม่วงของไบรท์ตันจาก Nike ที่จัดจ้านไม่แพ้กัน แต่ถ้าเอาแบบ ‘คัลท์’ เลยแนะนำลีดส์ชุดที่ 3 ที่ถ้าชอบก็ชอบเลย ไม่ชอบก็ไม่ชอบแน่นอน
ว่าแต่ใครชอบชุดไหนกันบ้าง?
แชมป์ใหม่?
ใส่เครื่องหมายคำถามดักเอาไว้แล้วนะ! แปลว่าไม่รู้หรอกว่าจะมีแชมป์ใหม่ไหม
แต่อย่างน้อยในปีนี้น่าจะเป็นปีที่การลุ้นแชมป์สนุกขึ้น เพราะนอกจากแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลที่มาแปลกด้วยการปรับทัพในแบบแทบจะ ‘ยกเครื่อง’ ปรับขุมกำลังในทีมให้กลายเป็นทีมของอาร์เนอ สล็อตอย่างสมบูรณ์
คู่แข่งอย่างอาร์เซนอลก็เติมนักเตะชั้นดีอย่าง วิคเตอร์ เกียวเคเรส, มาร์ติน ซูบิเมนดี และโนนี มาดูเอเก เข้ามาทำให้ตอนนี้กันเนอร์สแกร่งทั่วแผ่นอย่างมาก ขณะที่เชลซีไปได้ดีกรีมาจากศึกชิงแชมป์สโมสรโลกที่ไปแบบกะสนุกแต่ได้แชมป์ การได้ชูเอา เปโดร มาเสริมทัพแดนหน้าร่วมกับเลียม ดีแลป เปลี่ยนไดนามิกของทีมอย่างสิ้นเชิงและทำให้พวกเขามีลุ้นทีเดียว
แน่นอนว่าเราลืมแมนฯ ซิตี้ ไม่ได้ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังมีภารกิจในการพาทีมกลับมาครองความยิ่งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งในปีนี้มีการเปลี่ยนใหญ่ถ่ายเลือดออก เควิน เดอ บรอยน์ อำลาทีมไปแล้วได้ทิยานี ไรจ์นเดอร์ส มาเติมพลังในแดนกลางแทน รวมถึงรายาน ไอต์-นูรี แบ็กซ้ายจอมบุกที่จะทำให้เกมเร็วขึ้นมาก
แต่ทีมที่น่าสนใจอย่างมากคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถึงฤดูกาลที่แล้วจะเจอกับหายนะจบอันดับที่ 15 แต่การเสริมทัพจนถึงตอนนี้ยอดเยี่ยม 3 ประสานแนวรุกใหม่ มาเธอุส คุนญา, ไบรอัน เอ็มโบโม และเบนจามิน เซสโก น่าสนใจมาก ทีมก็ดูลงตัวมากขึ้นจากผลงานช่วงพรีซีซัน โดยที่หากได้คาร์ลอส บาเลบา มาเสริมแดนกลางอีกคน ไม่แน่เหมือนกันอาจจะสร้างตำนานก็ได้
ชมการถ่ายทอดสดแบบใหม่
ในฤดูกาลนี้เราน่าจะได้เห็นการถ่ายทอดสดแบบใหม่ที่คาดไม่ถึง เช่น การสัมภาษณ์ผู้เล่นสำรองในระหว่างเกม ไปจนถึงมุมกล้องแบบ ‘RefCam’ หรือมุมมองจากผู้ตัดสินที่สร้างความฮือฮาก่อนหน้านี้ ก็มาถึงพรีเมียร์ลีกแล้ว
แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้เปลี่ยนมือจากเจ้าเก่ามาสู่เจ้าใหม่อย่าง Mono Max ที่มีความตั้งใจอยากจะให้คนไทยได้ชมฟุตบอลในราคาถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่งสนนราคาพิเศษในช่วง Early Bird คือ 1,999 บาท (สำหรับลูกค้า AIS) ก็เป็นราคาที่รับไหวสำหรับการได้ดูฟุตบอลระดับโลกตลอดฤดูกาล ส่วนปัจจุบันราคาปีละ 2,999 และเดือนละ 299 บาท
ถึงจะมีเสียงสะท้อนเรื่องปัญหาต่างๆ เช่น วิธีการสมัคร, วิธีการรับชม (ผ่านแอปบนทีวีจะมีปัญหาเยอะหน่อย บนกล่อง Android TV หรือ Google TV จะมีปัญหาน้อยกว่า) ไปจนถึงเรื่องทีมพากย์ที่เป็นประเด็นดราม่ากันในเรื่องคุณภาพและสไตล์ และรายการวิเคราะห์ที่ยังไม่ถึงระดับ Match of the Day อย่างที่เคยให้ความหวังไว้
แต่สิ่งเหล่านี้มันปรับปรุงกันได้ ไม่ชอบใจตรงไหนก็ส่งเสียงสะท้อนไปหาได้เลย แล้วค่อยตัดสิน
ปัญหาจะอยู่ที่หากไม่พอใจ ไม่ชอบใจแล้วคิดว่า ‘งั้นไปหาช่องทางดูเองก็ได้’ ลิงก์เยอะแยะไป
ความเห็นแก่ตัวนี้นี่แหละคือ ‘บ่อนทำลาย’ วงการกีฬาอย่างแท้จริง ปัญหาการชมแบบเถื่อนผิดลิขสิทธิ์นั้นกำลังทำลายเกมฟุตบอลลงอย่างช้าๆ
เจ้าของลิขสิทธิ์ทุ่มเงินทุ่มแรงขนาดนี้ อยากให้อุดหนุนกันแบบถูกต้อง ไม่เฉพาะ Mono Max ด้วย แต่รวมถึงเจ้าของลิขสิทธิ์ทุกเจ้ารวมถึง TrueVisions, beIN SPORTS, BG Sports ที่ได้ลิขสิทธิ์รายการอื่นๆ เช่นกัน อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง เอาสะดวกฉัน สบายกระเป๋าอย่างเดียว
ที่พูดมานี้ ‘โนสปอน’ นะไม่มีใครจ่ายให้ ไม่มีใครขอ แต่คิดว่าในฐานะแฟนฟุตบอลที่ดี พวกเราควรจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง
Stand up for Football กันนะทุกคน 🙂
อ้างอิง:
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/c70r0k8kk67o
- https://www.mirror.co.uk/sport/football/news/premier-league-rule-changes-slot-35709008
- https://www.nytimes.com/athletic/6548461/2025/08/13/premier-league-transfers-new-season/
- https://www.bbc.com/sport/football/articles/clyrdm1drdpo
- https://www.premierleague.com/en/news/4309019/premier-league-club-kits-for-the-202526-season
- https://www.espn.com/soccer/story/_/id/45588250/premier-league-2025-26-kits-ranking-every-jersey-released