เทคโนโลยีสะดุด? แท็กซี่ AI ขับตกหลุมลึก 3 เมตร ผดส.สาวติดในรถ ร้องขอชาวบ้านช่วยเหลือ
เทคโนโลยีสะดุด? แท็กซี่ AI ตกหลุมกลางถนนลึก 3 เมตร ผดส.สาวติดในรถ ตกใจร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จุดชนวนถกเถียงทั่วโซเชียล
เหตุการณ์แท็กซี่ไร้คนขับตกลงไปในหลุมขณะรับผู้โดยสาร กลายเป็นไวรัลบนโซเชียลมีเดียของจีน และจุดกระแสถกเถียงอย่างดุเดือดเกี่ยวกับความปลอดภัยของเทคโนโลยีนี้
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 6 สิงหาคม ที่เขตหย่งชวน เมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน แท็กซี่ไร้คนขับ Apollo Go ซึ่งเป็นบริการหุ่นยนต์แท็กซี่ที่ดำเนินงานโดยบริษัท Baidu ได้พุ่งตกลงไปในหลุมที่กำลังก่อสร้างลึกประมาณ 3 เมตร ขณะกำลังรับส่งผู้โดยสารหญิงคนหนึ่ง
ตามรายงานของ Huashang Daily รถติดอยู่ในหลุมในลักษณะเอียงพอดีกับความกว้างของหลุม หญิงสาวที่อยู่ในรถเกิดอาการตกใจอย่างรุนแรงและต้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านใกล้เคียง ชาวบ้านต้องนำบันไดมาให้เธอปีนขึ้นจากหลุม โชคดีที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยังตกใจและสงสัยว่าเหตุใดรถจึงสามารถขับลงไปในหลุมขนาดใหญ่เช่นนั้นได้
พยานหลายคนระบุว่าบริเวณก่อสร้างมีทั้งรั้วและป้ายเตือนครบถ้วน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่ารถไร้คนขับสามารถผ่านแนวกั้นและตกลงไปได้อย่างไร อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้กลายเป็นกระแสไวรัลบนโซเชียลมีเดียจีน และจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับระดับความปลอดภัยของเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ
การตอบสนองจาก Baidu และ Apollo Go
ในคืนวันที่ 6 สิงหาคม Apollo Go ได้ส่งรถเครนมายังที่เกิดเหตุเพื่อดึงรถขึ้นจากหลุม วันถัดมา ฝ่ายดูแลลูกค้าของบริษัทออกแถลงการณ์แสดงความเข้าใจต่อความตกใจของผู้โดยสาร และยืนยันว่า“ความปลอดภัยคือหลักการสูงสุด” ของระบบแท็กซี่ไร้คนขับ
บริษัทระบุว่า จนถึงปัจจุบัน ทีมรถ Apollo Go ได้ทดลองให้บริการเชิงพาณิชย์รวมระยะทางกว่า 100 ล้านกิโลเมตร โดย“ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจากความผิดพลาดของระบบ” Reuters รายงานเพิ่มเติมว่า Baidu ปัจจุบันมีหนึ่งในเครือข่ายหุ่นยนต์แท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน โดยเปิดให้บริการในเมืองใหญ่อย่างอู่ฮั่น ปักกิ่ง ฉงชิ่ง และกำลังขยายความร่วมมือในระดับนานาชาติกับบริษัทอย่าง Uber และ Lyft
ภูมิหลังของโครงการในฉงชิ่ง
Apollo Go เริ่มให้บริการในเขตหย่งชวนตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2022 และจนถึงเดือนมีนาคม 2025 ระบบได้ติดตั้งจุดรับ-ส่งผู้โดยสารกว่า 4,000 จุด ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 130 ตารางกิโลเมตร และตั้งแต่เดือนตุลาคมปีก่อน ได้ดำเนินการในรูปแบบไร้คนขับ 100% ในพื้นที่ดังกล่าว
หย่งชวนถือเป็นเขตนำร่องสำหรับการใช้งานแท็กซี่ไร้คนขับในขนาดใหญ่ โดยมีโครงสร้างพื้นฐานซับซ้อน มีทั้งไซต์ก่อสร้างจำนวนมาก และทางแยกหลายชั้น จึงเป็นสนามทดสอบที่ท้าทายสำหรับระบบ AI ควบคุมยานพาหนะ
ข้อสงสัยเกี่ยวกับสาเหตุและคำถามด้านความปลอดภัย
Huashang Daily รายงานว่าขณะนี้สาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ยังอยู่ระหว่างการสอบสวน ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นคือระบบรับรู้ของรถอาจไม่สามารถประมวลผลสถานการณ์ที่ไซต์ก่อสร้างได้อย่างถูกต้อง หรืออาจไม่สามารถตรวจจับแนวกั้นได้ จึงพุ่งไปผิดทิศทาง ในขณะที่ฝ่ายไซต์งานยืนยันว่ามีการจัดวางมาตรฐานด้านความปลอดภัยและป้ายเตือนครบถ้วน
แม้เหตุการณ์นี้จะไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บ แต่ก็ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างรุนแรงบนโลกออนไลน์ บางคนมองว่านี่เป็น “อุบัติเหตุที่หายากแต่เลี่ยงไม่ได้” ในกระบวนการทดลองเทคโนโลยีใหม่ แต่หลายคนกังวลว่า หากเหตุการณ์เช่นนี้เกิดในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีใหม่กับความท้าทายด้านความเชื่อมั่น ในช่วงที่จีนกำลังผลักดันการพาณิชย์ยานยนต์ไร้คนขับ เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นบททดสอบความเชื่อมั่นของสาธารณชนต่อยานพาหนะแห่งอนาคต ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ว่า แม้ AI จะสามารถประมวลผลสถานการณ์นับล้านรูปแบบได้ แต่ก็ยังมี “จุดบอด” เมื่อเผชิญกับสภาพแวดล้อมโครงสร้างพื้นฐานที่ผิดปกติ
Reuters รายงานว่า Baidu ยืนยันว่าจะปรับปรุงอัลกอริธึมและระบบเซ็นเซอร์ให้ดีขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ลักษณะนี้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์รถตกหลุมในหย่งชวนแสดงให้เห็นว่า ความปลอดภัยของรถไร้คนขับไม่ได้ขึ้นอยู่กับซอฟต์แวร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการ หน่วยงานรัฐ และผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างใกล้ชิด