5 iPhone ที่ไม่ควรเลือกในปี 2025 พร้อมข้อสังเกตก่อนซื้อ
iPhone เป็นมือถือที่หลายคนเลือกไว้วางใจ เพราะได้สเปกที่เรียกว่าแรง อัปเดตได้นาน และยังมาพร้อมกับลูกเล่นที่มาแบบจัดเต็ม เห็นแบบนี้ก็คงต้องคิดถึงว่า แต่พอเป็นปี 2025 แบบนี้ก็จะมี iPhone หลายรุ่นที่ไม่ยังไม่น่าคบหาได้อีกต่อไปแล้ว จะมีรุ่นไหนบ้างวันนี้ Sanook Hitech มาสรุปให้กันครับ
5 iPhone รุ่นไหนไม่ควรซื้อในปี 2025
1. iPhone 11 และรุ่นเก่ากว่า (XR, XS)
รุ่นแรกคือ iPhone 11 เพราะต้องยอมรับว่าในปี 2025, iPhone 11 จะมีอายุถึง 6 ปีแล้ว แม้จะยังใช้งานได้ แต่ประสิทธิภาพโดยรวมจะช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันและ iOS เวอร์ชั่นใหม่ๆ ปัญหาหลักคือ RAM ที่มีเพียง 4GB ซึ่งไม่เพียงพอต่อการใช้งานหลายแอปพร้อมกัน (Multitasking) ในยุคปัจจุบัน และที่สำคัญที่สุดคือ มีความเสี่ยงที่อาจจะเกิดปัญหาเรื่องของการอัปเดตใน iOS 26 ที่อาจจะช้าลงและทำให้พลาดฟีเจอร์ใหม่ๆ และที่สำคัญคือ "การอัปเดตความปลอดภัย" ซึ่งเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
2. iPhone 14 (รุ่นธรรมดา)
iPhone 14 ถือเป็นรุ่นที่อัปเกรดจาก iPhone 13 น้อยมาก ยังคงใช้ชิป A15 Bionic (ตัวเดียวกับซีรีส์ iPhone 13), ไม่มี Dynamic Island และยังคงใช้หน้าจอ 60Hz ในปี 2025 การซื้อ iPhone 14 จะไม่คุ้มค่าอย่างยิ่ง ทั้ง iPhone 15 จะมีการออกแบบใหม่ได้ทั้ง Dynamic Island, กล้องหลัก 48MP และพอร์ต USB-C ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ หรือ iPhone 13 ก็ฟีเจอร์ไม่ต่างกัน แถมถูกกว่า หรือ iPhone 16e ที่แซงหน้าในขุมพลัง แต่ราคานั้นถูกกว่า
3. iPhone SE รุ่นที่ 3
ใน iPhone SE รุ่นที่ 3 แม้จะมีชิปที่แรง (A15 Bionic) แต่ iPhone SE 3 ยังคงใช้ดีไซน์ของ iPhone 8 ที่มีมาตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งในปี 2025 ถือว่าล้าสมัยมาก มีขอบจอหนา, หน้าจอ LCD ขนาดเล็กเพียง 4.7 นิ้ว และใช้ Touch ID ในขณะที่ iPhone รุ่นใหม่ๆ ไปสู่ Face ID และดีไซน์แบบเต็มจอหมดแล้ว ด้วยราคาเปิดตัวที่ใกล้เคียงกับ iPhone รุ่นหลักมือสองที่ให้ประสบการณ์ใช้งานดีกว่า (เช่น จอใหญ่กว่า, มีกล้องหลายตัว) ทำให้ iPhone SE 3 เป็นตัวเลือกที่ไม่น่าสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวลือหนาหูว่า iPhone 16e กำลังจะมาพร้อมดีไซน์ใหม่หมดจด
4. iPhone 12 mini / 13 mini
iPhone 12 Mini และ iPhone 13 Mini ขวัญใจคนชอบจอเล็กที่น่ารัก แต่สิ่งที่หลายคนต้องรู้คือมือถือรุ่นนี้มีข้อเสียเปรียบหลักของรุ่น "mini" คือ อายุการใช้งานแบตเตอรี่ ที่สั้นกว่ารุ่นอื่นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อผ่านการใช้งานมาหลายปีจนถึงปี 2025 สุขภาพแบตเตอรี่ที่เสื่อมลงจะยิ่งทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ ขนาดหน้าจอที่เล็กเพียง 5.4 นิ้ว ก็อาจเป็นอุปสรรคต่อการเสพคอนเทนต์และพิมพ์ข้อความในปัจจุบันที่แอปพลิเคชันต่างๆ ถูกออกแบบมาสำหรับจอที่ใหญ่ขึ้นเป็นหลัก
5. iPhone 15 Pro
ปืดท้ายกับ iPhoner 15 Pro ถึงแม้จะเป็นรุ่น Pro ที่สเปกดี แต่ในปี 2025 การซื้อ iPhone 15 Pro อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ฉลาดนัก เหตุผลคือ
- ฟีเจอร์ Apple Intelligence Apple เริ่มให้ความสำคัญกับฟีเจอร์ AI อย่างจริงจัง ซึ่งต้องใช้พลังการประมวลผลจากชิปรุ่นใหม่ๆ ทำให้ iPhone 16 Pro และ iPhone 17 Series จะมีประสิทธิภาพด้าน AI ที่ทิ้งห่าง iPhone 15 Pro อย่างชัดเจน
- ราคาเครื่องใหม่และมือสองของ iPhone 15 Pro จะยังคงสูงอยู่ แต่ด้วยการมาของ iPhone 16 Pro และ 17 Pro ที่มีชิปแรงกว่าและฟีเจอร์ AI ที่ดีกว่า จะทำให้ความคุ้มค่าของ 15 Pro ลดลงอย่างรวดเร็ว การเพิ่มเงินอีกนิดเพื่อไปรุ่นใหม่กว่า หรือเลือกซื้อมือสองรุ่นที่เก่ากว่าในราคาที่ถูกลงไปเลยอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า