ครูสาวเล่าประสบการณ์ เพิ่งรู้ตัวป่วยเป็น "ออทิสติก" ตอนอายุ 24 ปี เผยสาเหตุที่ต้องไปตรวจ
ครูสอนเด็กพิเศษ เล่าประสบการณ์ เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็น "ออทิสติก" ตอนอายุ 24 ปี พร้อมเผยสาเหตุที่ต้องเข้ารับการตรวจ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับสังคมไม่ได้ และไม่เข้าใจมารยาทางสังคมปกติว่าแบบไหนควรพูด หรือไม่ควรพูด
สมาชิก TikTok ที่มีชื่อว่า @earn.nalinrat ซึ่งเป็นครูสอนเด็กพิเศษ โพสต์คลิปแชร์ประสบการณ์ หลังเพิ่งรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นออทิสติกตอนอายุ 24 ปี โดยระบุข้อความว่า
ใครจะรู้ว่าเราจะมีโอกาสรู้ว่าตัวเองเป็นออทิสติกตอนอายุ 24 เอิร์นเป็นหนึ่งในนั้น ซึ่งเอิร์นเองก็เป็นครูสอนเด็กพิเศษด้วย
เอิร์นไปพบจิตแพทย์มานานมาก เพราะมีเรื่องให้ต้องไปหา แต่จะเล่าในเทปหน้าให้ฟัง คือตอนเด็กเอิร์นเคยเป็นเด็กที่ถูกคุณครูใช้ความรุนแรงทางเพศในโรงเรียนมาก่อน เลยมีอาการทางภาวะจิตใจ แล้วก็ต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล
รักษามา 5 ปีก็เปลี่ยนหมอเกือบทุกปี เปลี่ยนยาปรับยาอยู่ตลอด จนกระทั่งเริ่มหานักจิตบำบัด พอเจอ 3 คน ทุกคนมีคำถามเดียวกันเลยว่า "เอิร์นลองเช็กเรื่องออทิสติกดูไหม"
คำถามนี้ทำให้เอิร์นตัดสินใจเปลี่ยนหมออีกครั้ง แล้วไปหาหมอที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง หมอซักประวัติ แล้วมันมีเรื่องหนึ่งที่ไม่มีใครเข้าใจเอิร์นเลย คือเรื่องมารยาททางสังคมตามปกติ หรืออะไรที่ควรพูดไม่ควรพูด เรื่องนี้เองที่ทำให้หมอสงสัยว่าเอิร์นอยู่ในกลุ่มออทิสติกสเปกตรัม ซึ่งสมัยก่อนกลุ่มอาการของเอิร์นเรียกว่า Asperger
ตอนเด็ก ๆ เอิร์นมีคำถาม หรือประโยคที่ไม่ควรถามกับผู้ใหญ่ เช่น ถ้ามีครูคนหนึ่งว่าเด็กคนหนึ่งว่า "แต่งหน้าอย่างนี้ อยากจะมีแฟนใช่ไหม " ตอนนั้นเอิร์นอยู่ในเหตุการณ์แล้วตอบคำถามนั้นกลับไปว่า "คุณครูคะ คุณครูแต่งหน้าแล้วทำไมคุณครูยังไม่มีสามีคะ"
เพื่อน ๆ รอบข้างเงียบกริบหมดเลย แล้วก็มองว่า "เอิร์นไม่น่าพูดเลย" แต่สิ่งที่เอิร์นสงสัยจริง ๆ คือถ้าการแต่งหน้าทำให้สวย และการสวยแปลว่ามีสามี คุณครูแต่งหน้าแปลว่าสวย แต่ทำไมคุณครูไม่มีสามี สมการมันไม่ตรง
เอิร์นเป็นแบบนี้กับหลายเหตุการณ์มาก เดี๋ยวเล่าให้ฟัง มันมีอีกหลายเรื่องเลย ถ้าอยากฟังเทปต่อไป เดี๋ยวเล่าให้ฟังอีก"
ขณะที่คลิปต่อมาครูเอิร์นได้เล่าต่อว่า สวัสดีค่ะ หลังจากที่ลงคลิปว่ารู้ตัวว่าเป็นออทิสติกตอนอายุ 24 ปี ก็มีคนถามเข้ามาเยอะมากว่า "แล้วหมอตรวจยังไง?" เดี๋ยวเอิร์นจะมาเล่ากระบวนการให้ฟังนะคะ
เริ่มแรกคือนักจิตบำบัดทั้ง 3 คนที่เอิร์นไปหา ทักว่า "เอิร์นลองไปตรวจเรื่องภาวะออทิสติกสเปกตรัมไหม?" โอเค พอทุกคนทักแบบนั้น เอิร์นก็คิดว่าถึงเวลาที่ต้องไปตรวจแล้ว เลยไปโรงพยาบาลที่เขาจ่ายยาเอิร์นเป็นประจำ คือตรงแถวสามย่าน
วันที่เดินเข้าไปก็ถามหมอเลยว่า "หมอคะ หนูอยากตรวจประเมินความเสี่ยงเรื่องภาวะออทิสติกค่ะ ว่าหนูมีความเสี่ยงที่จะเป็นไหม?" ด้วยเหตุผลหลัก ๆ ก็คือ สิ่งที่คนอื่นเขาทำกันแต่เราไม่ทำ และอะไรที่เป็นเรื่องของมารยาทหรือไม่เป็นมารยาท หรืออะไรที่คนเขาถือหรือไม่ถือ อะไรอย่างนี้มันเป็นเรื่องหยุมหยิมที่คนทั่วไปรู้ แต่เอิร์นไม่รู้ ซึ่งเอิร์นก็ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองไม่รู้อะไรแบบนี้ ก็เลยเริ่มคุยกับหมอ
ทีนี้กระบวนการที่หมอเขาจะเริ่มซักประวัติก็จะเป็นแบบนี้ค่ะ หมอเขาจะเริ่มถามว่า เวลาเริ่มคุยกับคนแปลกหน้าเป็นยังไง? เวลาไปอยู่ในงานเลี้ยงที่บรรยากาศครึกครื้น จะทำตัวยังไง? ตอนเด็กเล่นกับเพื่อนยังไง? มีเพื่อนไหม? การเข้าสังคมเป็นอย่างไร? มีความสนใจพิเศษไหม?
แล้วก็มีอีกหลายอย่างที่หมอถาม โดยที่หมอไม่บอกว่ากำลังถามอะไรอยู่ หมอจะแอบดูพฤติกรรมเราตอนที่คุยกับหมอด้วย อย่างเช่น เราจะเริ่มพูดเร็วขึ้นเมื่อเรากังวล แล้วเรื่องอื่น ๆ ก็จะออกมาเป็นแบบนี้
เรื่องการเล่น ตอนเพื่อนสนใจการ์ตูนยูงิ, หรือของเล่นอื่น ๆ เอิร์นไม่เล่นเลย แล้วเพื่อนที่เล่นของเล่นทำกับข้าว เอิร์นก็ไม่เล่น ทำให้ไม่ได้เล่นกับเพื่อน
เรื่องการเข้าสังคม ทุกคนมีเพื่อน แต่เอิร์นไม่มี พอไม่มีเพื่อน เอิร์นก็เลยไปนั่งหน้าห้องพักครู
ทักษะทางสังคม พอขึ้นมาถึงมัธยมปลาย ทักษะทางสังคมควรจะดีขึ้นตามวัยใช่ไหมคะ แต่เอิร์นกลับไม่ดีขึ้น
พอไปถึงมัธยมที่ทักษะทางสังคมมันควรจะต้องดีขึ้นตามวัย เอิร์นกลับไม่ดีขึ้น คือครูเอิร์นว่าเพื่อนว่า ใส่ชุดชั้นในสีดำแล้วไม่ใส่เสื้อทับใน คือทำตัวอยากมีแฟน
ด้วยความหวังดีของเอิร์น เอิร์นก็บอกกับครูไปว่า แล้วทำไมครูไม่ใส่เสื้อทับในดูล่ะคะ เจตนาที่พูดประโยคนี้ก็คือว่า ผู้หญิง 30 ปี ควรจะต้องมีแฟน เพราะถูกสอนมาอย่างนี้ ว่าวันนึงผู้หญิงจะต้องแต่งงาน มีแฟน ซึ่งครูเลยวัยของการมีแฟนไปแล้ว ดังนั้นการใส่ชุดชั้นในสีดำอาจจะช่วยได้ แต่ผลตอบรับมันไม่เป็นอย่างนั้น ครูโกรธมาก โดยเอิร์นไม่แน่ใจว่าครูโกรธเรื่องอะไร
ครูเอิร์นยังเล่าอีกว่า คุณหมอถามว่า รู้สึกยังไงที่รู้ตัวว่าเป็นออทิสติกตอนนี้ ตอนที่ได้ยินหมอบอก รู้สึกหน้าชา และน้ำตารื้นขึ้นมา และคำถามก็คือ ฉันยังจะดีพอที่จะสอนลูกศิษย์ฉันไหม ครูที่มีความต้องการพิเศษ เป็นออทิสติก จะสอนทักษะทางสังคมให้กับลูกศิษย์ได้ไหม ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีพอที่จะสอนเด็กกลุ่มนั้น แล้วการวินิจฉัยก็ยิ่งเป็นการการันตีว่าเราขาดทักษะนั้นไป
แต่หมอบอกว่า ชีวิตคุณไม่ได้เปลี่ยนไปเพราะคำวินิจฉัยของหมอหรอก คุณสอนเด็กกลุ่มนี้มาตั้งนานเท่าไรก่อนที่หมอจะวินิจฉัยคุณ แล้วเด็กกี่คนที่เข้ามาอยู่กับคุณ แล้วจากคุณไป แล้วช่วยเหลือตัวเองได้เนี่ย มีกี่คนที่เขามีชีวิตที่ดี ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องคิดเลยด้วยซ้ำว่า คุณเป็นครูที่ดีพอไหม? เพราะสิ่งที่คุณทำมันดีพอมาตลอด ประโยคนั้นมันทำให้เราเข้าใจเลยว่า ใครจะตีตราเรายังไงก็ได้ แต่เราอย่าตีตราตัวเอง แล้วสิ่งที่กังวลอีกอย่าง แล้วผู้ปกครองจะรับได้ไหม ซึ่งแม่คนนั้นบอกว่า ครูเอิร์นแม่ไม่สนหรอกว่าครูเอิร์นจะป่วยเป็นอะไร แม่สนแค่ว่าตอนนี้ครูสอนลูกแม่ได้ แค่นี้แม่โอเคที่สุดแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ภาวะเครียดและซึมเศร้า ในทหารแนวหน้าชายแดน รุนแรงแค่ไหน ดูแลสุขภาพจิตอย่างไร ?
- แพทยสภา เอาผิดข้อหาหนัก "หมอปลอม" สวมรอบแอบอ้างวุฒิ แนะช่องทางตรวจสอบหมอจริง
- ชวนรู้จัก “Victim Mentality” คิดว่าตกเป็นเหยื่อ เชื่อว่าตัวเองโชคร้าย
- เปิดรายงานสุขภาพจิตคนไทย กว่า 13.4 ล้านเคยมีปัญหาจิตเวช
- ซึมเศร้าเหม่อลอย ไม่ใช่ไม่สนใจ แต่เครือข่ายของสมองทำงานน้อยลง