“ก.ล.ต.-ตลท.” จับมือยกระดับความรู้ “กรรมการ-ผู้บริหาร” เพิ่มศักยภาพ บจ.ไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18 ส.ค.68) นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต. มุ่งมั่นส่งเสริมและยกระดับบรรษัทภิบาลที่ดีของบริษัทจดทะเบียน โดยตระหนักว่า คณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูง เป็นหัวใจสำคัญและพลังขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ธรรมาภิบาลที่ดีเริ่มต้นจากผู้นำองค์กรที่เป็นแบบอย่างที่ดี (Set Tone at the Top) ในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โปร่งใส และยึดมั่นในจริยธรรม เพื่อวางรากฐานวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่ง ด้วยจำนวนกรรมการบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ก.ล.ต. จึงได้ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กำหนดมาตรฐาน 6 องค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างศักยภาพกรรมการให้เข้มข้น ครอบคลุมยิ่งขึ้น และเพื่อให้กรรมการมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนมีระบบและกลไกภายในที่จะสามารถสร้างวินัยในตนเอง (Self-Discipline) โดยการนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (CG Code) มาปรับใช้เพื่อยกระดับการกำกับดูแลกิจการให้โปร่งใสและน่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือหุ้น ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และนำไปสู่การเติบโตอย่างมั่นคงของธุรกิจ สังคม และตลาดทุนโดยรวม
นายอัสสเดช คงสิริ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลท. ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีบรรษัทภิบาลเป็นรากฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และตอบสนองความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายในเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยเฉพาะการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งของคณะกรรมการในการดูแลผลประโยชน์ขององค์กร แม้ประเด็นทุจริต การกระทำผิดจรรยาบรรณ และความบกพร่องในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทจะมีสัดส่วนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด แต่เป็นสิ่งที่ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น เนื่องจากส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงมุ่งพัฒนาเครื่องมือเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการกำกับดูแล และส่งเสริมการพัฒนาระบบกำกับดูแลที่ดีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
6 มาตรฐานองค์ความรู้สำคัญของกรรมการอย่างมืออาชีพ ได้แก่
1 บทบาทและการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการอย่างมีประสิทธิผล
2 ความรับผิดชอบของคณะกรรมการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
3 ความรับผิดชอบของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องกับบัญชีและการเงิน
4 การกำกับดูแลความเสี่ยงเชิงกลยุทธ์ขององค์กร
5 การขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน
6 การรายงานและการเปิดเผยข้อมูล
สำหรับวัตถุประสงค์หลักของการกำหนดมาตรฐานองค์ความรู้ 6 ด้านดังกล่าว เพื่อสนับสนุนให้กรรมการทุกคนได้รับความรู้พื้นฐานสำหรับการปฏิบัติหน้าที่อย่างครบถ้วน เป็นปัจจุบันและสม่ำเสมอ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมเปิดเผยข้อมูลการพัฒนาตนเอง ผ่านแบบ 56-1 One Report ประการที่สอง เพื่อให้องค์กรทั้งไทยและต่างประเทศที่จัดอบรมให้แก่กรรมการ เข้าใจและสามารถพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับมาตรฐานความรู้ตามที่ภาคตลาดทุนร่วมกันกำหนด ซึ่งจะช่วยให้กรรมการปฏิบัติหน้าที่อย่างมีความรับผิดชอบ เต็มความสามารถ และเกิดประสิทธิผล
นอกจากนี้ กรรมการควรพัฒนาทักษะความรู้อื่นที่จำเป็น อาทิ ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจขององค์กร การกำกับดูแลความมั่นคงด้านสารสนเทศและปัญญาประดิษฐ์ และการจัดการภาวะวิกฤติ ปัจจุบันมีสถาบันจัดอบรมความรู้กรรมการในประเทศหลายแห่งที่ได้พัฒนาหลักสูตรที่สอดคล้องกับมาตรฐานองค์ความรู้กรรมการ ได้แก่ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD) ที่เป็นหน่วยงานพัฒนาความเป็นมืออาชีพของกรรมการ รวมถึงหน่วยงานอื่น ๆ เช่น สภาวิชาชีพบัญชี สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย และมูลนิธิสถาบันวิจัยและพัฒนาองค์กรภาครัฐ