แม่อดีตดาราเด็ก “ไทเกอร์” ร่ำไห้ วอนลูกกลับมาเหลียวแล หลังถูกยุยงให้ห่างเหินกัน ชีวิตสุดรันทด ยังชีพด้วยเบี้ยคนชรา
แม่อดีตดาราเด็ก “ไทเกอร์” ร่ำไห้ ร้องสื่อวอนลูกกลับมาเหลียวแล หลังถูกยุยงจนห่างเหินกัน เผยใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ต้องประทังชีวิตด้วยเบี้ยผู้สูงอายุ ย้ำชัดแม้ลูกตัดขาด แต่ยังทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้ทั้งหมด
วันนี้ (19 ส.ค.) นางปลายรุ่ง พิศนุภูมิ อายุ 64 ปี มารดาอดีตดาราเด็ก “ไทเกอร์” นายธนากร พิศนุภูมิ อายุ 24 ปี ร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน ระบุ มีขบวนการทำให้ตนเองกับลูกชายผิดใจกัน ถึงขั้นไม่ยอมมาเหลียวแล ทิ้งให้อยู่ตามลำพัง อาศัยการอนุเคราะห์จากเพื่อนบ้านและเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุประทังชีวิต
นางปลายรุ่ง เล่าว่า ตนเองเป็นอดีตนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์และเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ตลอดชีวิตที่ผ่านมาหลังแยกทางกับสามี ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพียงลำพัง เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกชายอย่างยากลำบาก ต่อมาขณะ 4 ขวบลูกชายได้ไปออกรายการตีสิบ เล่นเกมคิดเลขได้รางวัลที่ 1 และได้ไปวัดไอคิว พบว่าลูกชายเป็นเด็กมีความสามารถพิเศษทางด้านคณิตศาสตร์ เป็นเด็กอัจฉริยะ ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจนเป็นข่าวดัง ต่อมามีคนมาชักชวนไปอัดวีซีดีตลกและได้ไปเล่นละครเรื่องฝนเหนือ เคยแสดงหนังเรื่อง ผีเลี้ยงลูกคน ที่มี อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ เป็นนักแสดงนำ
นางปลายรุ่ง กล่าวต่อไปว่า ต่อมาเมื่อปี 2554 ตนและลูกชายได้ปรากฎเป็นข่าวอีกครั้งหลังมีดรามาเรื่องเงินบริจาคช่วยเหลือด้านการศึกษา หลังจากตนและไทเกอร์ได้ไปออกรายการหนึ่ง โดยได้มีการพูดถึงการขาดแคลนทุนทรัพย์ที่ใช้ในการเรียนรร.สาธิตจุฬาฯ ซึ่งภายหลังการออกอากาศได้มีคนใจบุญแห่ช่วยบริจาคเงินการศึกษากันอย่างถล่มทลาย มีการตั้งคำถามเรื่องการเปิดบัญชีขอรับบริจาคเงินทุนการศึกษา ซึ่งมีการเปิดบัญชีมายาวนาน จนชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่ปิดบัญชีขอรับบริจาค ทั้งที่เงินบัญชีพุ่งทะลุสูงถึงหลักล้าน เจตนาที่แท้จริงในการขอรับบริจาคเพื่ออะไรกันแน่
“เรื่องนี้มีอยากชี้แจง จริงๆ แล้ว พี่ตั้งใจจะไปปิด แต่หูเบา เพราะมีชาวบ้านใกล้เคียงยุแหย่ว่าไม่ให้ไป เดี๋ยวจะไม่พอเรียน เราก็ไม่แน่ใจ ยอมรับว่าเป็นคนโลไปเลมา แต่ใจก็จะทำอย่างที่ผู้มีพระคุณสั่ง ทีนี้ก็เลยล่าช้าไปหน่อย ตอนนี้ก็เลยปิดให้เขา เงินที่ได้รับมาเมื่อปี 2554 ช่วงเวลา 6 ปี วงเงิน 1,050,200 บาท ได้ใช้เงินอย่างคุ้มค่าและทุ่มเทกับการศึกษาของลูกทั้งหมด และยืนยันว่าไม่เคยเกาะลูกกิน เพราะมีรายได้แต่ละเดือนจากค่าเช่าบ้าน”
น.ส.ปรายรุ่ง เล่าต่อว่า เมื่อตอนที่ลูกชาย เพิ่งเข้าศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 1 คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ใหม่ ๆ ขณะที่ตนไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัดและกลับมาถึงที่บ้าน พบว่าลูกชาย ได้ออกจากบ้านไปโดยที่ตนไม่ทราบ และไม่ได้ยินยอม โดยได้สอบถามเพื่อนบ้านว่าเห็นลูกชายหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบว่าเห็นขนของออกจากบ้านในช่วงที่ตนไม่อยู่บ้าน พร้อมทั้งมาลาเพื่อนบ้านและกล่าวว่าอาจารย์สั่งให้ไปอยู่ที่หอพักของมหาวิทยาลัย เมื่อตนติดตามไปที่หอพักของมหาวิทยาลัยก็ไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ ไม่มีโอกาสได้พบลูกเลย
ต่อมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ตนทราบจากทางมหาวิทยาลัยที่ลูกชายเรียนอยู่ ซึ่งยังเหลือติดอยู่รายวิชาเดียวก็จะสำเร็จจบเป็นบัณฑิต ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ จึงเข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ ซึ่งได้มีสื่อมวลชนมาทำข่าว ลูกชายจึงได้ทราบและโทรศัพท์มาหา ตนจึงได้พูดเกลี้ยกล่อม จนลูกชายยินยอมเข้าเรียนจนจบการศึกษา
"พี่อยู่กับน้องไทเกอร์มาตลอดตั้งแต่เด็ก เขาเป็นเด็กดี เรียนเก่ง แต่มาเกิดปัญหาเพราะหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยได้ให้ทุนการศึกษาในตอนอยู่ปี 1 และให้ย้ายไปพักในพอพักของมหาวิทยาลัย ก่อนจะมีคนยุยงให้เขาเห็นผิดทิ้งแม่ไป พรากลูกไปโยนบาปใส่ร้ายแม่ พี่ก็ได้แต่ทุกข์ทรมานเป็นห่วงอนาคตลูก อยากจะให้ลูกตั้งใจใฝ่ตั้งใจดีเรียนจนสำเร็จ มีอนาคตสดใส จะได้ตายตาหลับ ไม่ได้หวังอะไรจากลูกชาย แต่ลูกไปโดนกลุ่มคนอื่นที่ปลุกปั่นหัวให้เกลียดแม่ ลูกยังเด็กแม่ให้อภัยเสมอ ตอนนี้แม่อายุก็มาก เป็นซี๊ดเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็ง โรคหัวใจก็เป็น"น.ส.ปลายรุ่ง กล่าวและว่า อีกสิ่งหนึ่งที่รู้สึกปวดใจมาก หลังจากตนไปเจอภาพถ่ายลูกชายรับปริญญาบัตรในเฟซบุ๊ก ทั้งที่ลูกชายบอกตนว่าจะไม่เข้าพิธีรับปริญญา ที่สำคัญมีภาพผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนรวมหัวกับครอบครัวอดีตสามี ยุยงให้ตนกับลูกชายมีปัญหากัน
อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2566 ลูกชายได้โอนเงินมาให้ตนจำนวน 10,000 บาท และได้โทรศัพท์ไปบอกกับพี่ชายตนว่าได้โอนเงินให้กับตน แต่มาวันรุ่งขึ้นกลับส่งข้อความบอกให้ตนส่งใบรับรองแพทย์เรื่องอาการป่วย และข้อความต่อว่ารุนแรง เชื่อว่าเกิดจากการถูกยุยงปลุกปั่นเพราะลูกชายเป็นคนหัวอ่อน ต่อมาอีก 6 เดือนลูกชายได้โอนเงินให้ตนอีก 2 ครั้งๆ ละ 2,000 บาท ก่อนจะขาดการติดต่อไป
น.ส.ปลายรุ่ง กล่าวด้วยว่า อยากฝากถึงลูกชาย ว่า ที่ผ่านมาตนทุ่มเทสุดชีวิต ต่อสู้ดิ้นรนเลี้ยงดู แต่ทำไมถึงเชื่อคำคนอื่น จนหลงลืมแม่แท้ๆ ของตัวเอง ส่วนตัวไม่ได้อยากได้เงินจากลูก แต่ในช่วงบั้นปลายของชีวิต อยากให้ลูกหันมาเหลียวแลแม่บ้าง ทุกวันนี้ประทังชีวิตด้วยเบี้ยผู้สูงอายุ กับข้าวสารและน้ำดื่มจากพัฒนาสังคมจังหวัด รวมถึงการอนุเคราะห์จากเพื่อนบ้าน ที่แบ่งอาหารให้รับประทาน ส่วนบ้านที่อยู่ในปัจจุบันและที่ดินที่ต่างจังหวัด ตนตั้งจะทำพินัยกรรมยกให้ลูกชายทั้งหมดแม้จะไร้การเหลียวแลจากลูกชายก็ตาม
website : mgronline.com
facebook : MGRonlineLive
twitter : @MGROnlineLive
instagram : mgronline
line : MGROnline
youtube : MGR Online VDO