อิ๊งค์หายแม้วโผล่/ล้างสิงห์น้ำเงิน
“อิ๊งค์” ลา ครม. 2 ครั้งต่อเนื่อง ลุ้นแจงศาลไต่สวนคดีคลิปเสียง 21 ส.ค.นี้ พร้อมยกเลิกประชุม พท.ทำ สส.-มวลชนเก้อ อดเบิร์ธเดย์วันเกิดล่วงหน้า แต่ "ทักษิณ" โผล่มาพรรคอ้างมาพบแขก ไม่ตอบปมคดี ม.112 "สรวงศ์" มั่นใจ “อิ๊งค์” รอดคดี ปัดข่าว พท.ดัน “บิ๊กตู่” จับมือ "ภท." ครม.เคาะโยกย้ายอธิบดี-ผวจ.ล็อตใหญ่ 25 เก้าอี้ “ภูมิธรรม” ปัดเร่งโยกย้ายก่อนคดีตัดสินแพทองธารเป็นไปตามไทม์ไลน์ ยังมีอีกล็อต "อนุทิน" ยันไม่มี ขรก.สีน้ำเงิน เป็น ขรก.ของ ปชช. ไม่พูดเรื่องนายกฯ คนใหม่ มั่นใจดีเอสไอลุยเขากระโดงบีบ ขรก.บุรีรัมย์ไม่ได้
เมื่อวันอังคาร ที่ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม แจ้งลาประชุม ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า น.ส.แพทองธารลาการประชุม ครม. 2 ครั้งติดต่อกัน ท่ามกลางการจับตากรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดไต่สวนคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ ว่า น.ส.แพทองธารจะเดินทางไปชี้แจงเองหรือไม่ หลังมีข่าวว่าจะเดินทางไปชี้แจงด้วยตัวเอง ขณะที่ น.ส.แพทองธารไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนมาแล้ว 3 สัปดาห์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่า ในการประชุมพรรคประจำสัปดาห์ เดิม น.ส.แพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรค จะเดินทางมาร่วมประชุม สส.พรรค ทำให้บรรดา สส.ได้เตรียมช่อดอกไม้และเค้กมาอวยพรวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้า น.ส.แพทองธาร ในวันที่ 21 ส.ค. แต่ปรากฏว่า น.ส.แพทองธารยกเลิกการเข้าร่วมประชุม
ขณะที่มีมวลชนกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคเดินทางมาพบและนำดอกไม้พร้อมของขวัญมาให้กำลังใจ และเตรียมอวยพรวันเกิดล่วงหน้าเช่นกัน แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้เดินทางเข้ามาพรรคเพื่อไทย และเดินทางออกจากพรรคเพื่อไทย เวลา 16.10 น. โดยไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่าวันนี้มาพรรค พท.มีภารกิจอะไร นายทักษิณกล่าวเพียงว่า มาเจอแขก เจอเพื่อนเจอฝูง ผู้สื่อข่าวจึงถามกรณีวันที่ 22 ส.ค. ที่ศาลอาญาจะพิพากษาคดี 112 จะไปฟังด้วยตนเองหรือไม่ นายทักษิณกล่าวสั้นๆ ว่า เรื่องศาลใครเขาพูดกัน
สำหรับการประชุม ครม. ที่มีนายภูมิธรรมเป็นประธาน ใช้เวลานานกว่าปกติ มีวาระเข้าสู่ที่ประชุมถึง 78 วาระ เนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วไม่มีการประชุม ครม. เพราะตรงกับวันหยุดยาว จึงยกยอดมาในสัปดาห์นี้แทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งในที่ประชุม บรรดารัฐมนตรีได้จับกลุ่มพูดคุยกันอย่างอารมณ์ดีว่า ทำสัปดาห์นี้ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้มีสัปดาห์หน้า ซึ่งหมายถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยคำร้องความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธารจะสิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับสมเด็จฮุน เซน ในวันที่ 29 ส.ค.นี้ หากผลเป็นบวกกับ น.ส.แพทองธาร ก็กลับมาทำหน้าที่นายกฯ ต่อไป
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรค พท. ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการปล่อยข่าวว่า พท.จะสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และพร้อมจับมือกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ว่า สงสัยต้องออกแถลงการณ์ว่าอย่าเชื่อข่าวปลอม ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่ได้ออกมาจาก พท.แน่นอน ไม่ได้มีความคิดหรืออะไรที่จะไปถึงตรงนั้น เรายังยืนยันในความบริสุทธิ์ใจของ น.ส.แพทองธาร และยังมั่นใจว่าวันที่ 29 ส.ค.นี้ ยังสามารถที่จะไปต่อ
"เรามั่นใจมากๆ จึงบอกว่าข่าวที่ออกมา ขออย่าให้ไปกระทบกระเทือนเรื่องความเชื่อมั่นของการทำงาน เพราะปัจจุบันก็ทำงานลำบากอยู่แล้ว ทุกคนก็รอวันที่ 29 ส.ค. อย่างเดียวว่าจะเป็นอย่างไร ข้าราชการต่างๆ ก็เกียร์ว่างอยู่ตอนนี้ เอาตรงๆ เราก็พยายามอย่างยิ่งที่จะทำงานให้ลุล่วงไปด้วยดี"
ปัดข่าวลือมติ 5ต่อ 4
เมื่อถามว่า ได้ยินข่าวลือถึงผลการลงมติของศาลรัฐธรรมนูญ 5 ต่อ 4 ว่า น.ส.แพทองธารรอดจะกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ไม่ทราบถึงเรื่องตัวคะแนนเลย แต่ย้ำว่า ยังเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของ น.ส.แพทองธาร มั่นใจว่าคงไม่มีอะไรที่จะไปกดดันศาลได้ ทุกอย่างคงออกมาด้วยความเป็นจริง ตามข้อเท็จจริงที่นำเสนอในการต่อสู้ แต่ทั้งหมดก็อยู่ที่อำนาจของศาล
เมื่อถามว่า วันที่ 29 ส.ค.นี้ หาก น.ส.แพทองธารรอดคดี จะเช็กบิลข้าราชการที่เกียร์ว่างหรือไม่ นายสรวงศ์ถึงกับร้อง “โอ้ ไม่หรอกครับ” มันไม่เชิงว่าเป็นสไตล์แบบเกียร์ว่าง แต่ลักษณะการทำงานต่างๆ มันก็ค่อนข้างอึนๆ มึนๆ ไป ไม่มีความชัดเจนเท่าไหร่ ไม่รู้รัฐบาลจะอยู่หรือจะไป แต่พวกตนทำงานเต็มที่อยู่แล้ว ก็ขอว่าถึงอย่างไรก็แล้วแต่ ประเทศต้องเดินต่อไป ไม่มีทางตันแน่นอน
ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทินกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง หากมีอะไรเกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรี และมีสมการใหม่ที่อาจดึงพรรคภูมิใจไทยกลับไปร่วมรัฐบาล ว่ามีแนวโน้มเป็นเช่นนั้นหรือไม่ ซึ่งนายอนุทินตัดบททันทีว่า ไม่มี พร้อมถามกลับว่าสมการแปลว่าอะไร ต้องเท่ากันใช่หรือไม่ พรรคภูมิใจไทยมีแค่ 70 เสียง
เมื่อถามย้ำว่า ในช่วงรัฐบาลนี้หากมีการเลือกนายกฯ คนใหม่ ภูมิใจไทยจะไม่มีทางไปร่วมแล้วใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า นายกฯ เก่ายังไม่ไปเลย ยังอยู่ อย่าเพิ่งไปพูดถึงนายกฯ ใหม่ เราไม่มีอะไรกัน เราก็ทำหน้าที่ของเราในฐานะฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลก็ทำหน้าที่ฝ่ายรัฐบาล ขอให้ทุกคนทำตามหน้าที่ก็พอ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงท่าทีของ ปชน. หาก น.ส.แพทองธารต้องพ้นจากตำแหน่งว่า ทุกอย่างยังคงต้องเป็นไปตามข้อตกลงเดิม แต่ก็ต้องรอดูความชัดเจนจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน หากเกิดเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งต้องมีนายกฯ หรือรัฐบาลชั่วคราว เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง
เมื่อถามว่า หากนายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่ง แล้วพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทยให้สภาลงมติ พรรค ปชน.จะสนับสนุนหรือไม่ นายณัฐพงษ์ย้ำว่า “ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถรับตามเงื่อนไขของพรรคประชาชนได้บ้าง”
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรค ปชน. กล่าวว่า พรรค ปชน.ยืนยันหลักคิดเดิมว่าเราไม่เห็นด้วยกับการที่องค์กรอิสระมาตัดสินเรื่องที่เป็นนามธรรม เช่น เรื่องการผิดจริยธรรมหรือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เราเรียกร้องตั้งแต่ต้นที่มีคลิปเสียงถูกเผยแพร่ออกมาว่าให้นายกฯ ลาออก และเราก็เรียกร้องให้ยุบสภาเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เมื่อนายกฯ ไม่ลาออกและไม่ยุบสภา กลายเป็นว่าชะตากรรมของผู้นำประเทศต้องมาอยู่ในตุลาการ 9 คนที่กำลังวินิจฉัยเรื่องที่เป็นนามธรรม
ที่ศาลรัฐธรรมนูญ นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (สว.) พร้อมด้วยนายนิติธร ล้ำเหลือ และนายคมสัน โพธิ์คง นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ยื่นหนังสือต่อศาลรัฐธรรมนูญขอให้มีการถ่ายทอดการไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม และนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในคดีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ในวันที่ 21 ส.ค.นี้ ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญกำหนด
โยก ขรก.มท. 25 เก้าอี้
ขณะที่่ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลประชุม ครม.ว่า มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทย (มท.) เสนอแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำแหน่งบริหารระดับสูงให้พิจารณา รวม 25 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 2.นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าฯ ตาก เป็นรองปลัดกระทรวง 3.นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล ผู้ว่าฯ อ่างทอง เป็นผู้ตรวจฯ 4.นายจุมพฎ วรรณฉัตรสิริ ผู้ว่าฯ บึงกาฬ เป็นรองปลัดกระทรวง 5.ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจฯ 6.นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าฯ นครพนม เป็นผู้ตรวจฯ 7.นายวีระพันธ์ ดีอ่อน ผู้ว่าฯ ปราจีนบุรี เป็นผู้ตรวจฯ 8.ว่าที่ร้อยตรีตระกูล โทธรรม ผู้ว่าฯ นราธิวาส เป็นผู้ตรวจฯ 9.นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าฯ กระบี่ เป็นผู้ตรวจฯ 10.นายสุรศักดิ์ อักษรกุล ผู้ว่าฯ หนองบัวลำภู เป็นอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน 11.นายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าฯ พัทลุง เป็นผู้ว่าฯ กระบี่
12.นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ตรวจฯ เป็นผู้ว่าฯ เชียงใหม่ 13.นายนริศ นิรามัยวงศ์ ผู้ว่าฯ สมุทรสาคร เป็นผู้ว่าฯ ชลบุรี 14.นายรัฐพล นราดิศร ผู้ว่าฯ พะเยา เป็นผู้ว่าฯ เชียงราย 15.นายสมบัติ ไตรศักดิ์ ผู้ตรวจฯ เป็นผู้ว่าฯ สิงห์บุรี 16.นายศุภมิตร ชินศรี ผู้ว่าฯ สมุทรปราการ เป็นผู้ว่าฯนครสวรรค์ 17.นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน เป็นผู้ว่าฯ ปทุมธานี 18.นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร ผู้ตรวจฯ เป็นผู้ว่าฯ ภูเก็ต 19.นายชยชัย แสงอินทร์ ผู้ตรวจฯ เป็นผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม 20.นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าฯ มหาสารคาม เป็นผู้ว่าฯ ลำปาง 21.นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าฯ สุรินทร์ เป็นผู้ว่าฯ อุบลราชธานี 22.น.ส.ชุติพร เสชัง ผู้ว่าฯ นครสวรรค์ เป็นผู้ว่าฯ แม่ฮ่องสอน 23.นายชรินทร์ ทองสุข ผู้ว่าฯ เชียงราย เป็นผู้ว่าฯ ขอนแก่น 24.นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ตรวจ เป็นผู้ว่าฯ อำนาจเจริญ 25.นายสยาม ศิริมงคล อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน เป็นผู้ว่าฯ สมุทรปราการ
นายจิรายุกล่าวด้วยว่า ครม.มีมติอนุมัติการเสนอต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าฯ สระแก้ว ซึ่งจะดำรงตำแหน่งครบ 4 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2568 และจะต้องพ้นจากราชการ (ครบเกษียณอายุ) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2569 เป็นต้นไป ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้ว่าฯ สระแก้วต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569
ด้านนายภูมิธรรมกล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเร่งทำก่อนวันที่ 29 ส.ค.นี้ว่า กำลังจะหมดเดือน ส.ค.แล้ว จะเหลือแค่เดือน ก.ย. มันไม่ใช่การเร่งย้ายข้าราชการระดับสูง เพราะวันที่ 1 ต.ค. ต้องเริ่มทำงานกันแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องเร่งอะไร เป็นไปตามกระบวนการ ไทม์ไลน์ที่เหมาะสม
เมื่อถามว่า ผู้ว่าฯ ที่มีการโยกย้ายส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงอีกพรรคการเมืองหนึ่ง นายภูมิธรรมกล่าวว่า ฐานเสียงพรรคการเมืองมีทุกจังหวัด ยืนยันว่าตนดูตามความสามารถและประสบการณ์ และพยายามโยกย้ายเปลี่ยนแปลงให้แต่ละคนได้มีโอกาสทำงาน และรอบหน้ายังมีอีกรอ ตอนนี้ค่อยๆ ทำ
'อนุทิน'ลั่นบีบขรก.บุรีรัมย์ไม่ได้
นายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเพิกถอนที่ดินเขากระโดงว่า ไว้พูดหลังอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ก่อน เพราะเป็นหน้าที่ของอธิบดีคนใหม่ เมื่อถามว่าวางหลักทวงคืนที่ดินอัลไพน์และเขากระโดงอย่างไร นายเดชอิศม์กล่าวว่า ที่ดินหลวงทุกตารางนิ้วต้องเอามาเป็นของหลวงให้ได้ และทุกตารางนิ้วต้องทำเอกสารสิทธิให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด หากอธิบดีกรมที่ดินคนใหม่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ก็สามารถสั่งได้ทุกเรื่องทุกแปลงทั่วประเทศ
นายเดชอิศม์กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ดินอัลไพน์ ต้องไปดู เพราะเดิมมีเอกสารสิทธิเป็นโฉนด แต่เจตนาเขาบริจาคให้วัด ซึ่งผ่านมือมา 3-4 ทอด ต้องไล่ไปดูเป็นทอดๆ ส่วนที่ดินแรนโช ชาญวีร์ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล มาพิจารณาร่วมด้วยหรือไม่ ก็ ทั้งประเทศ ทุกจังหวัดหมดเลย
ด้านนายอนุทินกล่าวถึงกรณีที่ ครม.มีมติโยกย้ายข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ที่หลายคนมองว่าเป็นการล้างสายสีน้ำเงินว่า คำถามเช่นนี้อย่าถามเลย วันนี้เราไม่มีหน้าที่ในกระทรวงมหาดไทยแล้ว ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้บริหารชุดใหม่ แต่ถ้าวันไหนได้มีโอกาสกลับเข้าไปบริหารและมีนโยบายอย่างไร ก็คิดว่าคงไม่มีใครมาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเรา แบบนี้ก็แฟร์ๆ ดีนะ แต่ละคนมีสไตล์การทำงาน ยืนยันว่าไม่มีข้าราชการสายน้ำเงินสาย ทุกคนต้องถือว่าเป็นข้าราชการของพี่น้องประชาชน กินเงินเดือนจากภาษีของประชาชน ใช้เงินของรัฐ
นายอนุทินกล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ลงพื้นที่เขากระโดง ระหว่างวันที่ 19-22 ส.ค. เพื่อจะพิจารณาว่าจะรับเป็นคดีพิเศษสามารถทำได้หรือไม่ ว่ายังไม่ทราบเลย ไม่เคยคุมกระทรวงยุติธรรม
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะถูกมองว่าเป็นการเข้ามาแทรกแซงเหมือนคดีฮั้ว สว.หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เรื่องการเมืองแทรกแซงมาตลอดอยู่แล้ว ซึ่งทุกอย่างมีกฎหมาย และยืนยันคำเดิมว่าอย่าทำผิดกฎหมาย ซึ่งคนที่มั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมายก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไร เพราะกฎหมายจะคุ้มครองเอง
"คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ใน จ.บุรีรัมย์ ไม่รู้กี่ชุดมาแล้วเข้าๆ ออกๆ เข้ามาทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบ ผู้หลักผู้ใหญ่ในจังหวัดบุรีรัมย์ก็เป็นปูชนียบุคคล เป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ให้แก่ จ.บุรีรัมย์อย่างมากมายมหาศาล ใครเข้าไปก็ขอปรึกษาหารือแสดงมุทิตาจิต แสดงความเคารพนับถือในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่ ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ไปบีบข้าราชการคนที่เดือดร้อนก็คือประชาชน บีบเขาไม่ได้หรอก เขาไม่กลัวหรอก เขาทำกลัวไปแบบนั้นแหละ" นายอนุทินกล่าว
ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อเวลา 15.00 น. พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้อำนวยการกองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของที่ดินเขากระโดง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟฯ 5,083 ไร่ว่า ที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ได้ให้ข้อมูลตามที่ต้องการ ทั้งเรื่องสารบบที่ดินจำนวนหลายแปลงที่อยู่ในพื้นที่ รวมทั้งประวัติความเป็นมาของที่ดินเขากระโดง โดยได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับระวางแผนที่ ภาพถ่ายทางอากาศต่างๆ เพื่อไปตรวจสอบว่าแผนที่ที่ได้มา รฟท.ครอบครองถูกต้องตรงกันหรือไม่ เพื่อนำไปประกอบการสืบสวนต่อไป เบื้องต้นพบว่ามีการออกโฉนดตั้งแต่ปี 2513 เป็นต้นมา มีการเดินสำรวจออกโฉนดในปี 54 และปี 55 อยู่ระหว่างการประสานกับกรมที่ดิน โดยได้ข้อมูลชั้นต้นว่า มีที่ดินที่การรถไฟฯ มารับรองโฉนดในชั้นต้นด้วย โดยนัดหมายไปขอข้อมูลจากการรถไฟฯ ลำปลายมาศ ในวันที่ 21 ส.ค.นี้.