‘พระอลงกต’ไขก๊อก ‘อุดมพร’นั่งผอ.พศ.
“พระอลงกต” ลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุแล้ว “สุชาติ” ขึงขังบอกไร้ผล ชี้เป็นเจ้าพนักงานต้องรับผิดชอบหากกระทำความผิด ลงพื้นที่ด่วนคุ้ย 3 ประเด็น “ครม.” เคาะชื่อ “นางอุดมพร” ข้ามห้วยมานั่งผู้อำนวยการ พศ.
เมื่อวันอังคารที่ 19 ส.ค.2568 พระธรรมวชิรสุนทร เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ได้มีคำสั่งเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เรื่องให้พระสังฆาธิการลาออกจากตำแหน่ง ระบุว่า ด้วยพระราชวิสุทธิประชานาถ (อลงกต ติกฺขปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี ขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุนั้น อาศัยอำนาจตามความในข้อ 37 แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ 24 (พ.ศ.2551) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ออกตามความในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 จึงอนุญาตให้พระราชวิสุทธิประชานาถ เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 19 ส.ค.2568
ส่วนที่วัดพระบาทน้ำพุ บรรยากาศในวัดค่อนข้างเงียบเหงา ไม่มีคนมาทำบุญ มีเพียงแต่สื่อมวลชนมาปักหลักรอทำข่าว ขณะที่เวลาประมาณ 09.00 น. รถประจำตัวหลวงพ่ออลงกตได้ขับออกจากวัดไป
ด้านนายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวถึงกระแสข่าวพระราชวิสุทธิประชานาถ หรือพระอลงกต ลาออกออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุว่า ไม่มีผลอะไร เพราะเจ้าอาวาสคือเจ้าพนักงาน ถึงลาออกแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นไปแล้ว ถ้าเกิดมีการกระทำความผิด ซึ่งทราบว่าการลาออกเพื่อไม่ให้ขัดขวางการสอบสวน
ต่อมาในเวลา 14.00 น. นายสุชาติได้ไปวัดพระบาทน้ำพุ โดยเผยว่ามาร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกรมการปกครอง พศ. และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดลพบุรี เพื่อร่วมกันตรวจสอบวัดพระบาทน้ำพุ 3 เรื่อง ได้แก่ 1.เงินสนับสนุนบำรุงวัดจากหน่วยงานภาครัฐหรือเงินอุดหนุน 2.ที่มาของเงินมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ซึ่งเป็นประเด็นที่ยังมีข้อสงสัยอยู่ในขณะนี้ เพราะวัดจัดตั้งขึ้นมา 5-6 มูลนิธิ และมีเงินเข้าจำนวนมาก และ 3.เงินบริจาคที่เข้าวัดนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์หรือไม่ เพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะในฐานะที่กำกับดูแล พศ. ไม่อยากให้เกิดวิกฤตเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนา
“ก่อนหน้านี้หลวงพ่ออลงกตจะเป็นคนแถลงชี้แจงทุกประเด็น ก็มารอดูด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้หลวงพ่ออลงกตลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว จะลองประสานให้หลวงพ่ออลงกตชี้แจงกับสื่อมวลชน”
ถามถึงกรณีเรื่องที่ดิน 33 แปลง ซึ่งผู้ครอบครองเป็นบุคคลใกล้ชิดหลวงพ่ออลงกตใน จ.ลพบุรี ได้โอนคืนกลับมาเป็นทรัพย์สินของวัดนั้น นายสุชาติกล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจในการตรวจสอบของกระทรวงมหาดไทย ยังไม่เห็นหลักฐาน จึงไม่สามารถตอบในเรื่องนี้ได้
สำหรับกระแสข่าวที่บอกว่าวัดพระบาทน้ำพุมีอิทธิพลในพื้นที่ นายสุชาติตอบว่า วัดสามารถมีอิทธิพลได้ด้วยเหรอ ไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นได้ แต่ถ้าหากสื่อมวลชนมีข้อมูลในเชิงลึกก็สามารถส่งมาได้จะตรวจสอบให้
ภายหลังการประชุมนานกว่า 2 ชั่วโมง นายสุชาติเปิดเผยว่า วันนี้ยังไม่ได้ข้อมูลมากนัก แต่มีข้อสังเกตหลายประการ ประการแรก เกี่ยวกับเรื่องที่ดินที่มีข่าวว่ามูลนิธิที่วัดไปเกี่ยวข้อง 5-6 มูลนิธิ ซึ่งฝากทางจังหวัดไปดูว่าการรับบริจาคนั้นและการใช้เงินถูกต้องหรือไม่ เกี่ยวข้องกับวัดอย่างไร หากเกี่ยวข้องกับวัด ถือว่าเป็นสมบัติของวัดด้วย สำนักพุทธฯ ต้องเข้ามาตรวจสอบ ส่วนเรื่องที่ดินมีข้อสงสัยเยอะมาก ที่ดินในนามมูลนิธิมีไม่กี่ร้อยไร่ แต่กรรมการในมูลนิธิถือครองเป็นพันไร่ ดังนั้นต้องไปตรวจสอบว่าที่ถือครองนั้นถือครองในนามมูลนิธิหรือถือครองส่วนตัว ถ้าถือครองส่วนตัว เขามีปัญหาจะถือครองทรัพย์สินมากขนาดนั้นหรือ หากถือครองในนามมูลนิธิต้องดูว่าจะพร้อมโอนคืนหรือไม่ และทำไมถือครองแทนมูลนิธิ จึงให้ทางจังหวัดไปหาเหตุหาผลมา เพราะมูลนิธิทั้งหมดเกี่ยวข้องกับวัด เป็นสมบัติของวัด
นายสุชาติกล่าวว่า การใช้เงินมูลนิธิไปทำอะคาเดมี ไปสร้างสนามฟุตบอลเยอะแยะมากมาย และมีค่าใช้จ่ายตามมาเดือนละไม่รู้กี่แสนบาท ทำไมต้องเอาไปสร้างมากมายขนาดนั้น ทำเกินหน้าที่ และใช้เงินถูกต้องหรือไม่ ข้อสังเกตของตนคือทำไมต้องบริจาคเป็นมูลนิธิ ทำไมไม่บริจาคเข้าวัดโดยตรง ซึ่งคงเป็นเทคนิคการใช้เงินผ่านมูลนิธิ ต้องกำชับให้ทางอำเภอทางผู้ว่าตรวจสอบตั้งแต่ต้นเลย ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจให้ประชาชนบริจาคใช้ชื่อวัด ใช้ชื่อหลวงพ่อหรือไม่ เหมือนที่รู้มาว่าหมอบีเปิดบัญชีตัวเอง และนำเงินบริจาคแต่ละครั้งมาให้หลวงพ่อ และบางครั้งแจ้งว่าเอาเงินไปบริจาคที่นั่นที่นี่ ซึ่งไม่ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ และกรรมการมูลนิธิว่าอย่างไร มันเป็นอำนาจของบุคคลคนเดียวหรือไม่ จังหวัดต้องไปตรวจสอบ ให้เวลา 10 วัน ส่วนตำรวจคงมีการรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ เราไปก้าวก่ายไม่ได้
เมื่อถามว่า ตอนนี้เงินในบัญชีเหลือเท่าไร นายสุชาติตอบว่า อย่าเปิดเผยเลย เอาเป็นว่าเหลือน้อยละกัน แต่พอจ่ายค่าน้ำค่าไฟ อันนี้เป็นบทเรียนที่จะต้องดำเนินการแก้ไขให้รัดกุม ส่วนการที่หลวงพ่ออลงกตลาออกจากเจ้าอาวาสนั้น เจ้าคณะตำบลคงมีการตั้งผู้รักษาการแทน ขณะที่เรื่องวุฒิการศึกษาได้ให้ทางสำนักพุทธฯ ไปตรวจสอบว่าได้ใช้วุฒิการศึกษาในการเลื่อนสมณศักดิ์หรือไม่ หากใช้วุฒิปลอมจะถูกดำเนินคดีในการปลอมแปลงเอกสาร ขั้นตอนจากนี้หากผิดจริง ทางมหาเถรสมาคมจะต้องเอาผิดลงโทษทางสงฆ์ หากผิดทางอาญาก็เป็นเรื่องของตำรวจ รับรองไม่ละเลยแน่
ส่วนที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม (รอง ผบก.ป.) กล่าวถึงกรณีนายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล หรือหมอบี ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ว่าผู้บัญชาการได้สั่งให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการความชัดเจน โดยวันนี้ได้ข้อมูลเส้นเงินหรือบัญชีต่างๆ มาเพิ่มเติมแล้ว ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน คาดว่าอีกไม่นาน ที่ผ่านมาที่เราส่งเจ้าหน้าที่ไปขอข้อมูลต่างๆ จากทางวัด ก็ถือว่าให้ความร่วมมือค่อนข้างน้อย เช่น การขอบัญชีรายละเอียดหรือเอกสารต่างๆ ก็มีการรับปากว่าจะส่งมอบให้ก็ยังไม่ได้เอามาให้ ซึ่งก็ไม่เป็นไร เพราะก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะสงวนข้อมูลบางอย่าง แต่เจ้าหน้าที่มีวิธีการหรือช่องทางอื่นๆ ในการได้มาซึ่งข้อมูลอยู่เเล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้ออกหมายค้นหรือหมายจับ กลัวว่าจะมีการเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรือไม่ พ.ต.อ.เอนกกล่าวว่า กองบังคับการปราบปรามยังมุ่งเน้นเรื่องหมอบีว่าเป็นผู้ที่ยักยอกเงินวัดหรือไม่ แต่หลังจากการตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่ารูปการณ์ทางคดีอาจไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ ซึ่งขอสงวนในรายละเอียดไว้ก่อน
เมื่อถามถึงประเด็นที่มีนักการเมืองมากดดันในทางคดีทำให้เกิดความล่าช้านั้น พ.ต.อ.เอนกระบุว่า ไม่มีใครมากดดันแน่นอน ขอให้ประชาชนมั่นใจว่าไม่มีอะไรมาทำให้การสอบสวนทุกส่วนนั้นหยุดหรือช้าได้ทั้งสิ้น กองบังคับการปราบปรามจะให้ความเป็นธรรมและตรวจสอบตามแน่นอน
วันเดียวกัน นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบอนุมัติรับโอนนางอุดมพร เอกเอี่ยม รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อทดแทน นายอินทพร จั่นเอี่ยม ที่เกษียณอายุราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2568 เป็นต้นไป.