"ไชยา" ฝ่าด่านการเมือง นั่งรองประธานสภาฯคนที่ 1 ไร้คู่แข่ง
7 ส.ค.2568 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาฯ คนที่สอง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม นายวัชระพล ขาวขำ สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย เสนอให้เลื่อนระเบียบวาระการประชุมคือการเลือกรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ขึ้นมาพิจารณา
แต่บรรยากาศการประชุมเริ่มวุ่นวาย เนื่องจากมีการทักท้วงการเสนอนับองค์ประชุมของพรรคฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันนายวัชระพล ฐานะวิปรัฐบาล เสนอให้นับองค์ประชุมผ่านการขานชื่อ ขณะ ส.ส.ภูมิใจไทยขอให้นับองค์ประชุมผ่านการเสียบบัตร นายฉลาด จึงขอใช้อำนาจวินิจฉัยให้นับองค์ประชุมด้วยการขานชื่อ ทำให้นายภราดร พร้อมด้วยสส.พรรคภูมิใจไทย วอล์กเอาต์ออกจากที่ประชุม ขณะที่สส.พรรคฝ่ายค้าน อยู่ในห้องประชุมบางส่วนแต่ไม่แสดงตนเป็นองค์ประชุม
ซึ่งหลังจากการขานชื่อแสดงตนตามตัวอักษรเสร็จ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ในฐานะประธานการประชุม ได้รายงานผลปรากฎว่า มีผู้มาแสดงตน 248 คน ถือว่าครบองค์ประชุม ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งมาเพียง 2 เสียง
จากนั้นนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ประธานที่ประชุม จึงกล่าวว่า เมื่อไม่มีผู้เสนอแข่งขันก็ถือว่านายไชยา ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1
สำหรับนายไชยา พรหมา เกิด 26 มกราคม พ.ศ. 2503
เส้นทางการเมือง ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก ด้วยการเป็น ส.ส. จ.อุดรธานี ในการเลือกตั้ง มีนาคม พ.ศ. 2535/1 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์
การเลือกตั้ง กันยายน พ.ศ. 2535/2 สังกัด พรรคชาติพัฒนา
การเลือกตั้ง พ.ศ. 2538 ได้เป็น ส.ส. จ. หนองบัวลำภู สังกัดเดิม
และได้รับเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 4 ในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2544 สังกัดพรรคเสรีธรรม ต่อมาได้ยุบรวมเข้ากับพรรคไทยรักไทย จึงย้ายมาร่วมงานกับพรรคไทยรักไทย
ได้รับเลือกตั้งในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2548 การเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคพลังประชาชน
การเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 และในการเลือกตั้ง ส.ส. 2562 สังกัดพรรคเพื่อไทย
ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ในปี 2566
ก่อนจะได้รับเลือกเป็น รองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทน นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ซึ่งถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ม.144 กรณีมีส่วนได้เสียในการจัดงบสภาลงพื้นที่ตัวเอง โดยให้พ้นจาก ส.ส.ทันที เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี