รัฐโชว์ 5 เดือน จับคดีบุหรี่ไฟฟ้าทะลุ 3 พัน ยึดของกลาง 3 ล้านชิ้น
รัฐบาลลุยปราบบุหรี่ไฟฟ้า 5 เดือนจับกว่า 3 พันคดี ยึดของกลางเกือบ 3 ล้านชิ้น
วันที่ 4 สิงหาคม 2568 ที่โรงแรมแกรนด์ริชมอนด์ จังหวัดนนทบุรี มีการจัดประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 23 โดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ภายใต้หัวข้อ “รวมพลังกระชากหน้ากากธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้า : คนรุ่นใหม่รู้เท่าทันกลยุทธ์” เพื่อสร้างความตระหนักถึงปัญหาและผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าในสังคมไทย
นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานเปิดงาน กล่าวว่า ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นภัยคุกคามสุขภาพของเด็กและเยาวชน ด้วยกลยุทธ์ทางการตลาดที่ซับซ้อน มุ่งเป้าไปยังเยาวชนโดยเฉพาะ เช่น การออกแบบให้มีรสชาติ กลิ่นหอม และรูปทรงที่ดูทันสมัย ทำให้เกิดมายาคติว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย
รัฐบาลไทยจึงแสดงเจตจำนงในการปราบปรามอย่างจริงจัง โดยผนึกกำลังมากกว่า 20 หน่วยงานในการสกัดกั้นการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งในรูปแบบหน้าร้านและออนไลน์ พร้อมเดินหน้ารณรงค์สร้างการรับรู้ในวงกว้าง
รัฐมนตรีฯ เปิดเผยสถิติช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึง 2 สิงหาคม 2568 พบว่ามีการจับกุมคดีเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ากว่า 3,000 คดี ยึดของกลางกว่า 2.9 ล้านชิ้น มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าสถิติทั้งปีของปี 2566 ขณะเดียวกัน กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้ดำเนินการปิดกั้น URL ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้ามากกว่า 10,000 รายการ ซึ่งก็สูงกว่าทั้งปี 2567 เช่นกัน
หมอทศพรเตือนภัยบุหรี่ไฟฟ้า “ล่าเหยื่อเด็กไทย”
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ประธานคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข สภาผู้แทนราษฎร กล่าวเสริมว่า ธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้ากำลังใช้กลยุทธ์มุ่งเป้าไปยังกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี มีกรณีพบเด็กอายุต่ำสุดเพียง 1 ปี 7 เดือน ใช้บุหรี่ไฟฟ้า และพบว่าในกลุ่มวัยรุ่นหญิงมีแนวโน้มการสูบเพิ่มขึ้นถึง 18 เท่า
บุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินสังเคราะห์ที่ไม่ทำให้ระคายคอ มีกลิ่นหอม จึงโน้มน้าวใจผู้ใช้ได้ง่าย โดยเฉพาะเด็ก แต่ส่งผลต่อสมอง การคิดวิเคราะห์ และสมาธิของเด็กและเยาวชนอย่างรุนแรง
นพ.ทศพรยืนยันว่า ความเชื่อที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าสามารถใช้เพื่อเลิกบุหรี่มวนได้“ไม่เป็นความจริง” และองค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ระบุว่า“ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดที่ยืนยันประสิทธิภาพดังกล่าว”
พร้อมกันนี้ได้เผยข่าวดีว่า องค์การเภสัชกรรมของไทยสามารถผลิตยาเลิกบุหรี่ตัวใหม่ชื่อ“Cytisine” ได้สำเร็จ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการขาดนิโคติน และช่วยให้เลิกบุหรี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ดันมาตรการปกป้องเด็ก-ยันไทยยังห้ามเด็ดขาด
นพ.ทศพรยังกล่าวถึง 5 มาตรการปกป้องเด็กไทยจากบุหรี่ไฟฟ้า ที่รัฐบาลเห็นชอบเมื่อ 20 พฤษภาคม 2568 ตามข้อเสนอของสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ซึ่งหนึ่งในนั้นคือการยังคงกฎหมายห้ามนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเคร่งครัด
“ทั่วโลกยังมี 42 ประเทศที่ห้ามนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้าเด็ดขาด ซึ่งพบว่าอัตราการใช้ในเด็กและเยาวชนต่ำกว่าประเทศที่อนุญาตให้จำหน่าย เช่น แคนาดาและนิวซีแลนด์ที่พอผ่อนปรนกลับพบการระบาดเพิ่มขึ้น 2–5 เท่า” เขากล่าว
นอกจากนี้ การห้ามนำเข้ายังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐในการดูแลสุขภาพ และลดผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อครอบครัวไทยที่ต้องเผชิญกับโรคจากการใช้บุหรี่ไฟฟ้า
นพ.ทศพรย้ำว่า คณะกรรมาธิการสาธารณสุขจะเดินหน้าปกป้องเด็กไทยจากการแทรกแซงนโยบายสาธารณะโดยธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเต็มที่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง