กรมทางหลวงชนบท ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง จัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน เตรียมเครื่องมือเครื่องจักร ยานพาหนะ เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ ควบคู่กับการเร่งดำเนินการสำรวจเส้นทางหลังน้ำลด เพื่อฟื้นฟูให้ประชาชนสัญจรได้โดยเร็ว พร้อมเผยสายทางที่ยังประสบอุทกภัยขณะนี้ผ่านไม่ได้ 11 สายทาง
กรมทางหลวงชนบท ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง จัดเจ้าหน้าที่ลาดตระเวน เตรียมเครื่องมือเครื่องจักร ยานพาหนะ เพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ ควบคู่กับการเร่งดำเนินการสำรวจเส้นทางหลังน้ำลด เพื่อฟื้นฟูให้ประชาชนสัญจรได้โดยเร็ว พร้อมเผยสายทางที่ยังประสบอุทกภัยขณะนี้ผ่านไม่ได้ 11 สายทาง
31 ก.ค. 68 นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท เปิดเผยว่า ปัจจุบันในส่วนของกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ในจังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน ระดับน้ำได้ลดลงแล้ว จึงได้มอบหมายให้แขวงทางหลวงชนบทแพร่ แขวงทางหลวงชนบทน่าน สำนักงานทางหลวงชนบทที่ 17 (เชียงราย) เร่งประเมินความเสียหายหลังสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มกลับสู่สภาวะปกติ โดยให้ดำเนินการปรับปรุง ซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน และเปิดให้ประชาชนได้ใช้สัญจรโดยเร็วต่อไป และสำหรับในพื้นที่ที่ยังไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ได้กำชับให้สำนักงานทางหลวงชนบท และแขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่ ทำการติดตั้งป้ายเตือน สัญญาณไฟ และอุปกรณ์อำนวยความปลอดภัยอย่างชัดเจน เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ และหลีกเลี่ยงการสัญจรบนสายทางดังกล่าวจนกว่าจะคลี่คลาย ซึ่งสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ สำนักบำรุงทาง รายงานว่า (วันที่ 31 ก.ค. 68 เวลา 10.00 น.) ได้รับผลกระทบรวม 9 จังหวัด ประกอบด้วย เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ตาก สุโขทัย กาญจนบุรี และอุบลราชธานี รวม 39 สายทาง สามารถสัญจรผ่านได้ 28 สายทาง และไม่สามารถสัญจรผ่านได้ 11 สายทาง ซึ่งสายทางที่ไม่สามารถสัญจรผ่านได้มีดังนี้
1. ถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4008 แยก ทล.1020 (กม.ที่ 87+200) - บ้านศรีสะอาด อำเภอขุนตาล, พญาเม็งราย จังหวัดเชียงราย (ช่วง กม.ที่ 4+100 - 4+500)
2. ถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4011 แยก ทล.1020 (กม.ที่ 118+070) - บ้านม่วงเจ็ดต้น อำเภอ
เชียงของ จังหวัดเชียงราย (ช่วง กม.ที่ 0+400 - 0+800)
3. ถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.4027 แยก ทล.1020 (กม.ที่ 109+200) - บ้านเกี๋ยงเหนือ อำเภอ
เชียงของ จังหวัดเชียงราย (ช่วง กม.ที่ 0+400 - 0+800)
4. ถนนทางหลวงชนบทสาย ชร.5031 แยก ทช.ชร.4014 (กม.ที่ 0+700) - บ้านซ้อใต้ อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย (ช่วง กม.ที่ 5+100 – 5+300)
5. ถนนทางหลวงชนบทสาย พย.4029 แยก ทล.1148 (กม.ที่ 95+225) - โครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ตามพระราชดำริบ้านหนองห้า อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา (ช่วง กม.ที่ 8+900 - 9+000 , ช่วง กม.ที่ 10+850 - 10+950 , ช่วง กม.ที่ 11+700 - 11+900 และ ช่วง กม.ที่ 12+900 - 13+000)
6. สะพานข้ามแม่น้ำยม (สาย พร.001) อำเภอหนองม่วงไข่ จังหวัดแพร่ (ช่วง กม.ที่ 0+485 - 1+185)
7. ถนนเชิงลาดสะพานข้ามแม่น้ำยม (สาย พย.002) อำเภอปง จังหวัดพะเยา (ช่วง กม.ที่ 0+000 - 1+100)
8. ถนนทางหลวงชนบทสาย ตก.3002 แยก ทล.105 (กม.ที่ 4+000) - บ้านวังแก้ว อำเภอแม่สอด, แม่ระมาด จังหวัดตาก (ช่วง กม.ที่ 11+950 - 12+000 , ช่วง กม.ที่ 12+100 - 12+150 และ ช่วง กม.ที่ 16+500 - 16+550)
9. ถนนทางหลวงชนบทสาย ตก.3006 แยก ทล.105 (กม.ที่ 9+025) - บ้านวังผา อำเภอแม่สอด, แม่ระมาด จังหวัดตาก (ช่วง กม.ที่ 7+290 - 7+300)
10. ถนนทางหลวงชนบทสาย สท.4053 แยก ทล.1180 (กม.ที่ 11+650) - บ้านคลองมะพลับ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย (ช่วง กม.ที่ 0+500 – 0+800)
11. ถนนทางหลวงชนบทสาย สท.7058 แยก ทล.1180 (กม.ที่ 13+650) - บ้านสายใจไทย อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย (ช่วง กม.ที่ 0+500 – 0+800)
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ขอความร่วมมือประชาชน โปรดระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนเป็นพิเศษและโปรดสังเกตป้ายจราจรเตือน ป้ายบอกทาง ป้ายบอกระดับน้ำ ซึ่ง ทช.ได้ดำเนินการติดตั้งป้ายเตือน เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนสามารถแจ้งเหตุอุทกภัยบนถนนทางหลวงชนบทได้ที่แขวงทางหลวงชนบทในพื้นที่หรือสายด่วนกรมทางหลวงชนบท 1146