รถน้ำมันเผชิญ "วิกฤติซ้อน" (Polycrisis) ต้นทุนสูง-แข่งขันรุนแรง-ระเบียบกดดัน เปิดโอกาส EV ครองตลาด
อุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายหลายอย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน หรือที่ผู้บริหารหลายคนเรียกว่า “วิกฤตซ้อน” (Polycrisis) ซึ่งทำให้สถานการณ์รุนแรงกว่าการประสบปัญหาเดี่ยว ๆ แต่ในวิกฤตยังซ่อนโอกาสในการเติบโต โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่กำลังมาแรง
ต้นทุนสูง การแข่งขันรุนแรง และกฎระเบียบ
ผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม (OEMs) ต้องรับมือกับหลายปัจจัยที่เกิดพร้อมกัน เช่น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ภาษีนำเข้า การแข่งขันที่รุนแรง การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน และแรงกดดันด้านกฎระเบียบ
ทั้งนี้ Ola Källenius ซีอีโอ Mercedes-Benz เปรียบเทียบสถานการณ์ว่า “อุตสาหกรรมของเรากำลังประสบกับฝนตกหนัก ลูกเห็บ พายุ และหิมะในเวลาเดียวกัน” ขณะที่ Sigrid de Vries จาก ACEA เสริมว่า “มันให้ความรู้สึกเหมือนวิกฤตซ้อนจริง ๆ”
อุตสาหกรรมตะวันตกกำลังเผชิญกับ “การหยุดชะงักเชิงโครงสร้าง” ที่ทำให้ ROI จากการลงทุนในระบบไฟฟ้าและดิจิทัลตึงเครียด ตลาดล่าช้าและยอดขายไม่ถึงเป้า นอกจากนี้ยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันจีน นโยบายกีดกันทางการค้า และการทวนกลับของโลกาภิวัตน์ (Deglobalization)
โอกาสทองของ EV
หนึ่งในปัจจัยหลักที่กำลังพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างรุนแรงคือ “การเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้า (EV)” ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎระเบียบเข้มงวดของสหภาพยุโรป (EU) ที่กำหนดให้ลดการปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ใหม่ลง 55% ภายในปี 2030 และบังคับให้รถยนต์ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ปี 2035 ต้องปลอดมลพิษ ซึ่งแทบจะเท่ากับการยกเลิกการจำหน่ายรถเบนซินหรือดีเซลใหม่โดยปริยาย
ในขณะที่จีนให้การสนับสนุนต่ออุตสาหกรรม EV ด้วยเงินอุดหนุน ภาษี และเงินทุนวิจัยและพัฒนา ส่งผลให้รถยนต์ไฟฟ้าของจีนมีศักยภาพสูง และสามารถสร้างอิทธิพลต่อทั่วโลกได้อย่างชัดเจน
การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จึงไม่เพียงเป็นความท้าทาย แต่ยังเปิดโอกาสทองให้ผู้ผลิตที่ปรับตัวได้สามารถเติบโตและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
แม้ว่าภาวะวิกฤตซ้อนจะสร้างแรงกดดันอย่างมากต่อผู้ผลิต แต่การเปลี่ยนผ่านสู่ EV และนวัตกรรมใหม่ ๆ ยังเปิดโอกาสให้ผู้ผลิตที่ปรับตัวได้สามารถเติบโตและแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน การมองโอกาสท่ามกลางความท้าทายคือกุญแจสำคัญในการสร้างอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์
โอกาสลงทุนกองทุนหุ้น EV
SCBEV(A) เป็นกองทุนหุ้นที่เน้นลงทุนในกลุ่ม EV ทั้งผู้ผลิตรถ แบตเตอรี่ และวัตถุดิบ เช่น แร่ Rare Earth โดยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากนโยบาย Anti Involution ของ ‘สี จิ้นผิง’ ซึ่งต้องการลดการผลิตเกินควร เลิกแข่งขันตัดราคา และส่งเสริมการควบรวม
อ้างอิง: CNBC
คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299