ฝนมรสุมถล่ม "ปากีสถาน" น้ำท่วมใหญ่คร่าชีวิตกว่า 300 คน

รายงานวิทยาศาสตร์ล่าสุดชี้ว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เพิ่มความรุนแรงของฝนมรสุมซึ่งกระหน่ำปากีสถานในช่วงฤดูร้อนปีนี้ จนก่อให้เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่คร่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะในเขตเมืองที่มีความเปราะบางสูง

ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา หน่วยงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของปากีสถาน (NDMA) ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 303 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 142 คน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากบ้านเรือนพังถล่มในชุมชนแออัดซึ่งสร้างจากดินและแกลบข้าว ตั้งอยู่ใกล้แม่น้ำและลุ่มน้ำที่มีความเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม

ภัยพิบัติครั้งนี้สร้างความเสียหายหนักในแคว้นปัญจาบและไคเบอร์ปักตูนควา โดยเมืองราวัลปินดี ลาฮอร์ เปชาวาร์ และแฟซาลาบัดได้รับผลกระทบมากที่สุด เหตุการณ์ฝนตกหนักที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ก.ค. ที่เมืองราวัลปินดีซึ่งวัดปริมาณฝนได้ถึง 230 มิลลิเมตรภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ระบบระบายน้ำไม่สามารถรองรับได้ ทำให้ต้องอพยพประชาชนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีผู้บาดเจ็บ 727 คน บ้านเรือนเสียหาย 1,693 หลัง ถนนกว่า 449 กิโลเมตร และสะพาน 105 แห่งได้รับความเสียหาย พร้อมทั้งปศุสัตว์เสียชีวิตอีก 428 ตัว

รายงานฉบับนี้จัดทำโดยเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์จากปากีสถาน สวีเดน เดนมาร์ก สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ภายใต้โครงการ World Weather Attribution โดยใช้วิธีการวิเคราะห์เชิงสถิติที่ผ่านการทบทวนจากผู้เชี่ยวชาญ พบว่าฝนสูงสุดในช่วง 30 วันในพื้นที่ได้รับผลกระทบมีความรุนแรงมากขึ้นราว 22% เมื่อเทียบกับสภาพอากาศที่ไม่ถูกทำให้ร้อนขึ้น 1.3°C จากการเผาเชื้อเพลิงฟอสซิลและการตัดไม้ทำลายป่า

นอกจากปัจจัยจากโลกร้อนแล้ว การขยายตัวของเมืองอย่างรวดเร็ว มาตรฐานการก่อสร้างที่อ่อนแอ และการตัดไม้ทำลายป่า ยังเพิ่มความเสี่ยงของเขตเมืองต่อภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างมีนัยสำคัญ

หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ปี 2022 รัฐบาลปากีสถานประเมินว่าต้องใช้งบประมาณ 16.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อฟื้นฟูและสร้างความยืดหยุ่น ผู้บริจาคให้คำมั่นรวมกว่า 8.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเงินกู้ และรัฐบาลจะรับผิดชอบส่วนที่เหลือ แต่ประเทศยังคงมีช่องว่างงบประมาณด้านการปรับตัวต่อสภาพภูมิอากาศสูงถึง 152 พันล้านดอลลาร์จนถึงปี 2030

นักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญที่ร่วมในรายงานแนะให้ปากีสถานลงทุนใน “โซลูชันเชิงธรรมชาติ” เช่น การปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำ การปรับปรุงมาตรฐานก่อสร้าง และการพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้า เพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่คาดว่าจะเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงมากขึ้นในโลกที่ร้อนขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• โลกร้อนเร่งหิมาลัยละลาย ทำ “อินเดีย” น้ำท่วมทะลักเมือง
• พยากรณ์อากาศ 8 สิงหาคม 2568 ทั่วไทยมีฝนฟ้าคะนอง กทม.ตก 60%
• ฝนตกหนักระลอกใหม่ 10 - 21 ส.ค. 68 ถล่มไทยทุกภาค เตือนน้ำท่วมฉับพลัน
• น้ำเจ้าพระยาไม่วิกฤต แต่ลุ่มต่ำต้องระวังน้ำทะเลหนุนสูง 7–13 ส.ค.
• เตรียมพกร่ม! เตือนฝนตกหนักพื้นที่กทม. และปริมณฑล 7-12 ส.ค. 2568