โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

สุขภาพ

"น้ำนมแม่" วัคซีนหยดแรกของลูกน้อย ช่วยป้องกันโรค พัฒนาสมอง

TNN ช่อง16

เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา
“น้ำนมแม่” วัคซีนหยดแรกของลูกน้อย ช่วยป้องกันโรค พัฒนาสมอง ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง

องค์การอนามัยโลก (WHO) และยูนิเซฟ แนะนำว่าลูกควรได้กินนมแม่อย่างเดียว ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน และควรกินต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ควบคู่กับอาหารตามวัยที่เหมาะสม เนื่องจากนมแม่เป็นอาหารที่เหมาะสมที่สุดสำหรับลูกด้วยองค์ประกอบด้านโภชนาการ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สารต่อต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและยังมีเซลล์สิ่งมีชีวิตต่างๆ ทั้งจากเซลล์จากแม่ รวมถึงแบคทีเรียที่ดีต่อระบบทางเดินอาหารของลูกด้วย

เด็กทารกที่เกิดใหม่ยังมีภูมิคุ้มกันที่ไม่สมบูรณ์ น้ำนมแม่เปรียบเสมือนวัคซีนหยดแรกสำหรับเด็ก เพราะมีภูมิคุ้มกันโรคจำนวนมากที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย การได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ทำให้ทารกเติบโตได้สมบูรณ์แข็งแรง

เหนือสิ่งอื่นใด ขณะที่แม่ให้นมจะต้องโอบกอดลูกไว้ข้างนอก แม่ลูกสบตากัน การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่จึงเป็นวิธีสร้างสายใยความรักความผูกพันที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งระหว่างแม่กับลูก

สารอาหารในน้ำนมแม่

สารอาหารในน้ำนมแม่มีการเปลี่ยนแปลงตามระยะเวลาหลังการคลอดเพื่อให้เหมาะสมกับตัวลูกน้อย ผ่านกระบวนการสร้างน้ำนมในร่างกายของแม่ที่เกิดจากการหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นโดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่

น้ำนมระยะที่ 1 (Colostrum)

ระยะหัวน้ำนม เป็นระยะ 1-3 วันแรก น้ำนมจะมีสีเหลือง จนบางคนเรียกว่าน้ำนมเหลือง เนื่องจากมีแคโรทีนสูงกว่านมระยะหลังมาก น้ำนมระยะนี้เป็นน้ำนมที่อุดมสมบูรณ์มากประกอบไปด้วยโปรตีนต่างๆ ที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เกลือแร่ วิตามิน สารอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของสมองและการมองเห็นของลูก รวมทั้งยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยในการขับขี้เทาของลูกได้ด้วย

น้ำนมระยะที่ 2 (Transitional Milk)

เมื่อผ่านช่วง 5 วัน ถึง 2 สัปดาห์แรก น้ำนมจะเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น ซึ่งจะมีสารอาหารเพิ่มขึ้นทั้งไขมันและน้ำตาลที่มีปริมาณเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย

น้ำนมระยะที่ 3 (Mature Milk)

เมื่อผ่านช่วง 2 สัปดาห์แรกแล้ว น้ำนมแม่จะมีปริมาณที่มากขึ้น และมีสารอาหารหลักที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูก ได้แก่

-โปรตีน ที่มีส่วนช่วยในการยับยั้งจากเจริญเติบโตของเชื้อโรคบางชนิด เพิ่มภูมิต้านทาน และเอนไซม์ที่สามารถทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรียได้

-ไขมัน ที่เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ DHA (Docosahexaenoic Acid) และ AA (Arachidonic Acid) ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น

-น้ำตาลแลคโตส โดยพบว่าในนมแม่มีโอลิโกแซคคาไรด์หรือคาร์โบไฮเดรตสายสั้น (Human Milk Oligosaccharides หรือ HMOs) มากกว่า 200 ชนิด และมีปริมาณมากกว่าปริมาณที่พบในนมวัวถึง 5 เท่า และยังพบอีกว่า HMOs ในน้ำนมแม่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันได้

-วิตามินและแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต ได้แก่ A, B1, B2, B6, B12, C, D, E, K และแร่ธาตุซึ่งได้แก่ เหล็ก แคลเซียม ไอโอดีน เป็นต้น

นอกจากนี้ในน้ำนมแม่ยังมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย ได้แก่ แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidant) โกรทแฟคเตอร์ (Growth Factor) ที่มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบทางเดินลำไส้ เส้นเลือด ระบบประสาท และระบบฮอร์โมนที่ควบคุมการเจริญเติบโต

ประโยชน์ของนมแม่ต่อลูกน้อย

-ประโยชน์ต่อพัฒนาการทางสมอง

งานวิจัยเผยว่าทารกที่กินนมแม่มีโอกาสในด้านพัฒนาการทางสมองและเชาว์ปัญญา (IQ) ที่ดีกว่าเด็กที่กินนมผสม โดยสามารถวัดได้เมื่อเด็กโตขึ้นและกำลังเข้าสู่วัยเรียน นอกจากนี้สารอาหารและวิตามินจากน้ำนมแม่ยังช่วยให้พัฒนาการของสมองเด็กและเซลล์ประสาททำงานได้อย่างสมบูรณ์

สำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนดจะได้รับประโยชน์จากนมแม่เพื่อช่วยให้พัฒนาทางสมองเป็นไปอย่างปกติ และช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคจิตเวชได้ในอนาคตด้วย

-ประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันโรคที่ดี

ความสำคัญของนมแม่ที่ช่วยให้ลูกสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อต่อต้านการเจ็บป่วย ด้วยการสร้างแอนติบอดี (Antibody) มาต่อต้านอาการเจ็บป่วยทั่วไปอย่างไข้หวัด การติดเชื้อจากแบคทีเรีย ไปจนถึงการป้องกันการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น โรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (RSV) โรคงูสวัด

ภูมิต้านทานเหล่านี้มาจากแม่ที่เคยเป็นโรคเหล่านี้มาก่อนและมีภูมิต้านทานโรคแล้ว ด้วยการส่งผ่านไปยังลูกน้อยทางน้ำนมแม่ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถช่วยป้องกันโรคที่จะเกิดกับลูกได้ 100% แต่ก็ช่วยลดโอกาสการเกิดโรคเหล่านี้กับลูกได้

นอกจากนี้นมแม่ยังสามารถช่วยลดการเกิดโรคภูมิแพ้ในเด็กได้ รวมไปถึงโรคร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคไหลตายในเด็กทารก (SIDS) เป็นต้น

-ประโยชน์ต่อการเจริญเติบโตของร่างกาย

นมแม่มีความสำคัญต่อพัฒนาการทางร่างกายให้ลูกเติบโตได้อย่างปกติ เมื่อลูกเข้าสู่วัยเริ่มเดินจะมีการทรงตัวที่ดีเนื่องจากมีกระดูกและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจากการได้รับสารอาหารจากนมแม่ นอกจากนี้การดูดนมแม่จากอกยังช่วยในเรื่องของสุขภาพช่องปากในเด็ก เมื่อฟันบนขึ้นจะเรียงตัวไม่ทับซ้อนกันและไม่ผุกร่อนอีกด้วย

ประโยชน์ของการให้นมลูกของแม่

การให้นมแม่ที่นอกจากแม่จะให้สารอาหาร ภูมิคุ้มกันและให้ความรักแก่ลูกน้อยแล้ว แม่เองก็ได้รับประโยชน์จากการให้นมลูกทั้งในด้านสุขภาพและอารมณ์เช่นกัน

ด้านสุขภาพร่างกายของแม่

ในช่วงที่แม่ให้นมลูกจะมีการหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า ออกซิโทซิน (Oxytocin) ออกมาเพื่อช่วยให้มดลูกเข้าอู่หรือกลับคืนสู่สภาพเดิมได้เร็วยิ่งขึ้น และขณะที่ร่างกายของแม่ผลิตนมให้แก่ลูกร่างกายจะต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติถึงเกือบ 500 Kcal ทำให้มีการดึงพลังงานจากไขมันที่สะสมในช่วงตั้งครรภ์มาใช้งาน ทำให้แม่กลับมามีรูปร่างที่ดีขึ้นเหมือนก่อนตั้งท้องได้

จากการวิจัยในแม่ที่ให้นมลูกหลังคลอดจะช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งเต้านมและมะเร็งรังไข่ในแม่ได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคในระยะยาว เช่น ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคเบาหวานได้

ด้านอารมณ์ของแม่

ฮอร์โมนออกซิโทซิน (Oxytocin) ที่บางคนเรียกว่าฮอร์โมนแห่งความรัก ยังสามารถช่วยให้แม่เกิดความผ่อนคลาย ลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด ทำให้มีความสุขในขณะให้นมลูก ช่วยสร้างความรักและความผูกพันธ์ระหว่างแม่กับลูก ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดของแม่ ความอบุอุ่นที่ส่งผ่านจากแม่สู่ลูกนี้ยังส่งผลให้ฮอร์โมนโปรแลคติน (Prolactin) ช่วยขับน้ำนมของแม่ให้ไหลได้ดีขึ้นในขณะให้นมอีกด้วย

การให้ลูกได้รับนมแม่ตั้งแต่คลอด ต่อเนื่องไปจนถึง 2 ปีได้หรือนานกว่านั้น จะช่วยให้เด็กเติบโตได้อย่างเป็นธรรมชาติและมีร่างกายที่แข็งแรงได้ นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องการสร้างภูมิต้านทานตั้งแต่เด็กยังเป็นทารกอยู่ เมื่อโตขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงพัฒนาการทางสมองที่สมบูรณ์และความฉลาดทางอารมณ์

นอกจากการให้นมแม่จะช่วยในการเจริญเติบโตของลูกแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากการให้นมลูก คือช่วยสร้างความรัก ความผูกพันธ์ระหว่างแม่กับลูกได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นช่วงเวลาที่แม่สบตากับลูก โอบกอดลูกที่ช่วยให้แม่เกิดความรู้สึกของการเป็นแม่ได้เป็นอย่างดี ทำให้แม่สามารถผลิตฮอร์โมนออกซิโทซินเพื่อสร้างความสุข และยังช่วยให้แม่สามารถผลิตน้ำนมได้มากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก TNN ช่อง16

กล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เวบบ์ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบดวงใหม่ห่างจากโลกเพียง 4 ปีแสง

22 นาทีที่แล้ว

เปิดชื่อ 7 รัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมศูนย์พักพิงใน 4 จังหวัด 12 จุดพรุ่งนี้

33 นาทีที่แล้ว

ลกยุคใหม่แห่สะสมบิตคอยน์ ไทยเสี่ยงจ่ายแพง หากซื้อช้า

53 นาทีที่แล้ว

SNNP รายได้ครึ่งแรกแกร่ง สวนทางเศรษฐกิจชะลอ ลุยออกสินค้าใหม่โตต่อ

54 นาทีที่แล้ว

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความสุขภาพอื่น ๆ

โภชนาการแก้เด็กเบื่ออาหาร แนะเมนูไม่น่าเบื่อ ช่วยเจริญอาหาร

PPTV HD 36

แค่ถูกเวลา 3 ช่วงกินดาร์กช็อกโกแลต ช่วยอารมณ์ดี หุ่นสวย หัวใจแข็งแรง

Amarin TV

กาแฟ-ชาเข้มๆ น้ำอัดลมใส่เกลือ ช่วยให้หาย "ท้องเสีย" ได้ จริงหรือ?

Amarin TV

สธ.เปิดศูนย์การแพทย์แผนไทยฯครบวงจรแห่งแรก เขต 5 เคลื่อนศก.สุขภาพ

ฐานเศรษฐกิจ

เตือน เคี้ยวหมากฝรั่ง ปล่อยไมโครพลาสติก สู่ร่างกายผ่านทางน้ำลาย

TNN ช่อง16

เดินหน้ารณรงค์ให้ผู้หญิง “กล้าตรวจ” เพื่อตนเอง" รู้ทัน ป้องกัน มะเร็งปากมดลูก

TNN ช่อง16

เปิดรายชื่อ 30 โรงพยาบาลที่ดีที่สุด ในประเทศไทย ประจำปี 2025

สยามนิวส์

อ้วนเพราะฮอร์โมน ลดน้ำหนักเท่าไหร่ก็ไม่ลง ควรทำอย่างไร?

PPTV HD 36

ข่าวและบทความยอดนิยม

ขึ้นทางด่วนฟรี วันหยุด 12 สิงหาคม 2568 วันแม่แห่งชาติ รวม 3 สายทาง 63 ด่าน

TNN ช่อง16

ขับเคลื่อน “สัปดาห์นมแม่โลก 2568” หนุน “นมแม่ล้วน 6 เดือนแรก ไม่ต้องเสริมน้ำ”

TNN ช่อง16

เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ 6 เดือนแรกสำคัญที่สุด

TNN ช่อง16
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...