โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

กคพ. มีมติรับ "คดีหักหัวคิวแรงงานกัมพูชา" เป็นคดีพิเศษ

THE ROOM 44 CHANNEL

เผยแพร่ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

กคพ. มีมติรับ "คดีหักหัวคิวแรงงานกัมพูชา" เป็นคดีพิเศษ รับทราบความคืบหน้า "คดีฮั้วสว." สอบปากคำไปแล้ว 90 ปาก พบเส้นเงินโยง 1,200 คน จ่อเรียกสอบ

วันที่ 15 ส.ค. 2568 ที่ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 4/2568 โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนรมว. ยุติธรรม รองประธานกคพ.พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)กรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการ กคพ.เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้ ที่ประชุมรับทราบรายงานความคืบหน้าคดีพิเศษซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน ได้แก่ คดีที่เกี่ยวข้อง กับสมาชิกวุฒิสภาใน คดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 ถึงปัจจุบัน โดยได้มีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไป ทั้งสิ้น 90 ปาก มีการจัดทำเหตุการณ์จำลองทั้งสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาและกระบวนการคัดเลือก

พร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของกลุ่มขบวนการได้มีการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด ทั้งนี้ การดำเนินการในลำดับต่อไปทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมออกหมายเรียกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอีก 1,200 คน เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากทางคดี มีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหน่วยงานภายในสังกัดรวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ

เรื่องที่ 2 ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คดีความผิดทางอาญาอื่น จำนวน 1 เรื่อง กรณี การกระทำความผิดของชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมกันกระทำเป็นขบวนการหลอกลวงหรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใด โดยเรียกรับเงินจากนายจ้างและแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ได้รับการต่อใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอันมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 สำหรับแรงงานชาวกัมพูชาเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยจะเข้าสู่กระบวนการดำเนินการต่อไปตามมติที่ประชุมคดีพิเศษ“นายจิรายุกล่าว

ในวันนี้ (วันศุกร์ที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2568) ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ได้มีการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ครั้งที่ 4/2568 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม พร้อมด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รองประธานคณะกรรมการคดีพิเศษ พันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กรรมการและเลขานุการ และคณะกรรมการคดีพิเศษ มาประชุมรวม 21 ราย

การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ. 2568 ผลการประชุมมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1. รายงานความคืบหน้าคดีพิเศษซึ่งเป็นที่สนใจของประชาชน ได้แก่ คดีพิเศษที่ 24/2568 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดฐานอั้งยี่ฯ ตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นความคืบหน้าของการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2568 ถึงปัจจุบัน โดยได้มีการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไป ทั้งสิ้น 90 ปาก มีการจัดทำเหตุการณ์จำลองทั้งสถานที่ใช้ในการเลือกสมาชิกวุฒิสภาและกระบวนการคัดเลือกพร้อมขอรับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิดที่เกี่ยวข้องในวันเกิดเหตุจากหลายหน่วยงาน มีการตรวจสอบร่องรอยทางการเงินพบว่ามีความเชื่อมโยงกัน 1,200 คน ทั้งนี้ เพื่อพิสูจน์ทราบความสัมพันธ์ของกลุ่มขบวนการได้มีการตรวจสอบข้อมูลโทรศัพท์ จากข้อมูลการสืบสวนพบว่ามีผู้ช่วยสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภา เกี่ยวข้องในพื้นที่ 45 จังหวัด ทั้งนี้ การดำเนินการในลำดับต่อไป ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ เตรียมออกหมายเรียกผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภาอีก 1,200 คน เพื่อเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มเติม เนื่องจากทางคดี มีพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องค่อนข้างมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มอบหน่วยงานภายในสังกัด รวม 10 กองคดีที่เป็นคณะพนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ

2. ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้คดีความผิดทางอาญาอื่น จำนวน 1 เรื่อง กรณี การกระทำความผิดของชาวไทยและชาวต่างชาติร่วมกันกระทำเป็นขบวนการหลอกลวงหรือกระทำด้วยวิธีการอื่นใด โดยเรียกรับเงินจากนายจ้างและแรงงานต่างด้าว เพื่อให้ได้รับการต่อใบอนุญาตทำงานในประเทศไทยอันมิชอบด้วยกฎหมาย ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2567 สำหรับแรงงานชาวกัมพูชาเป็นคดีพิเศษ ตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก THE ROOM 44 CHANNEL

"ป้าแต๋น" โผล่เยี่ยม “ลุงพล” เอาหัวใจมาฝากสามีแต่อดเจอหน้า

31 นาทีที่แล้ว

"มนพร" เผย นายกฯ ติดตามทุกวาระ ห่วง สส. ประชุมดึกดื่น สั่งอาหารให้ทั้งสภา

42 นาทีที่แล้ว

“พริษฐ์” อภิปรายขอหั่นงบหลักสูตร บยส. ศาลยุติธรรม 16 ล้าน

49 นาทีที่แล้ว

ตำรวจ บก.ปส.2 ขยายผล จับ 2 นายตำรวจแตกแถว พัวพันการค้ายาเสพติด

1 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความการเมืองอื่น ๆ

'ไอติม' ชงหั่นงบหลักสูตร บยส. 16 ล้าน สุ่มเสี่ยงสร้างระบบอุปถัมภ์ กระทบความเป็นอิสระศาล

Khaosod

ทบ.ยันปฏิบัติทางทหารชายแดนไทย-กัมพูชาโปร่งใส่ ปัดเอี่ยวผลประโยชน์

Thai PBS

พริษฐ์ ชงหั่นงบหลักสูตร บยส. ศาลยุติธรรม 16 ล้าน ชี้ เสี่ยงสร้างระบบอุปถัมภ์

MATICHON ONLINE

เศรษฐา ลั่นอย่าปล่อยเป็นหน้าที่รัฐบาลอย่างเดียว งบมีจำกัด อุ้ม 70 ล้านคนไม่ไหว ใครช่วยได้ก็ต้องช่วย

Khaosod

โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศตำรวจเป็นกรณีพิเศษแก่ผู้เสียชีวิต 91 นาย

ฐานเศรษฐกิจ

รองผช.รมว.กลาโหมมะกัน ชี้ เขมรได้เปรียบไทย สงครามข่าวสาร แต่รับปากจะช่วยทบ.ยืนยันข่าวที่ถูกต้อง

MATICHON ONLINE

ข่าวและบทความยอดนิยม