สำรวจปฏิกิริยาหลังการประชุม ทรัมป์-ปูติน สื่อนอกมองเหมือนโยนชัยชนะให้รัสเซีย
หลังการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย จบลงภายในเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงพร้อมกับการ “ไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดใด” โดยเฉพาะการ “หยุดยิง” ในยูเครนที่หลายฝ่ายมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการประชุมครั้งนี้ ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปอย่างกว้างขวางว่าสุดท้ายแล้วการประชุมที่ทั่วโลกต่างจับตามองนี้ได้อะไรบ้าง นอกจากที่ผู้นำสองประเทศได้มาพบกัน
คิมเบอร์ลี่ย์ ฮัลเคตต์ ผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราที่ลงพื้นที่รายงานสดจากรัฐอะแลสกากล่าวว่า สิ่งสำคัญที่เกิดขึ้นคือประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายหลักของเขาหรือจุดประสงค์หลักที่จัดการประชุมครั้งนี้ได้ เธอกล่าวว่าทรัมป์ดูเหมือนไม่รักษาสัญญาว่าจะสามารถนำไปสู่การบรรลุข้อตกลงหยุดยิงหรืออย่างน้อยก็การความประทับใจเบื้องต้นก็ควรเกิดขึ้นหลังการประชุม ฮัลเคตต์ กล่าวด้วยว่าสิ่งที่พวกเธอได้ยินระหว่างการแถลงข่าวคือแม้ว่าผู้นำรัสเซียจะกล่าวว่าประเทศของเขามุ่งมั่นที่จะยุติสงคราม และการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนยันว่าเมื่อรัสเซียได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ ก็จะเกิดสันติภาพที่ยั่งยืน แต่ก็เป็นอีกครั้งที่ไม่มีข้อตกลงใด ๆ เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ฮัลเคตต์ ยังกล่าวว่าการแถลงข่าวที่เกิดขึ้นไม่ใช่การแถลงข่าวจริง ๆ เพราะมันกลับไม่มีโอกาสที่ผู้สื่อข่าวจะได้ยิงคำถามถึงผู้นำทั้งสองเลย ซึ่งเธอมองว่าอาจเป็นเพราะผลการหารือไม่ได้ยิ่งใหญ่อย่างที่ทรัมป์คาดหวังหรืออย่างที่มันควรจะเป็น และหากยึดตามตามคำพูดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ว่าเขากำลังมองหาหนทางการหยุดยิง ฮัลเคตต์ มองว่าดูเหมือนสิ่งนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง
ด้าน สตีฟ โรเซนเบิร์ก ผู้สื่อข่าวของ BBC ที่รายงานตรงจากรัฐอะแลสกา กล่าวว่าเขารู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ผู้นำทั้งสองเดินออกจากโพเดียมโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้ซักถาม และมองว่าที่การประชุมนี้ยังไม่มีข้อตกลงใดใดเป็นเพราะความคิดเห็นของทรัมป์และปูตินเกี่ยวกับสงครามในยูเครนยังคงต่างกันอย่างมาก ที่น่าสนใจคือทรัมป์จะตอบสนองหลังจากนี้อย่างไร ในเมื่อเขายังไม่สามารถเกลี้ยกล่อมปูตินให้หยุดสงครามได้
ขณะที่ เจมส์ เบย์ส ผู้สื่อข่าวอีกหนึ่งคนที่รายงานจากที่ประชุมในรัฐอะแลสกา แสดงความคิดเห็นว่าการประชุมครั้งนี้คือ “ชัยชนะครั้งใหญ่ของปูติน” แต่ข้อสรุปการประชุมของฝั่งสหรัฐฯ ก็ไม่ได้แย่มากหนัก เพียงแค่พวกเขายังไม่ได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ แม้ทรัมป์จะทำให้การประชุมนี้ดูใหญ่โต แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ของกระบวนการทั้งหมดที่จะนำไปสู่การยุติสงคราม เบย์ส กล่าวด้วยว่าฝั่งยูเครนและผู้นำยุโรปอาจผิดหวังเพราะสิ่งที่พวกเขาต้องการจากการประชุมนี้ยังไม่เกิดขึ้นนั่นก็คือข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ฝั่งผู้นำยุโรปต้องการให้การประชุมมุ่งเน้นความสนใจทั้งหมดไปที่ยูเครน แต่มันกลับเหมือนการประชุมที่มุ่งเน้นฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซียมากกว่า ดังนั้นเขาจึงคิดว่าฝั่งยุโรปจะมองว่านี่คือชัยชนะครั้งใหญ่ของปูตินที่ทำให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับทิศทางการทูตในยูเครนหลังจากนี้
และดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น เพราะมีความเคลื่อนไหวจากนักการเมืองในยุโรปบางคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับการประชุมของทรัมป์และปูตินแล้ว อาทิ โดวิเล ซาคาลีน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของลิทัวเนีย ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าปูตินกำลังสร้างความสับสนที่แฝงไปด้วยการข่มขู่ หลังจากที่ปูตินกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ด้วยการเตือนยูเครนและยุโรปว่า อย่าเข้ามาแทรกแซงความคืบหน้าที่กำลังเกิดขึ้น เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของสาธารณรัฐเช็ก ที่กล่าวว่าแม้เขาจะชื่นชนกับความพยายามของทรัมป์ แต่หากปูตินจริงจังกับการเจรจาสันติภาพจริง เขาคงไม่สั่งให้โจมตีตลอดทั้งวันที่เขาร่วมประชุมกับทรัมป์
นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวจากฝั่งตัวแทนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคเดโมแครตที่ออกมาโจมตีการประชุมในครั้งนี้ เกรกอรี มีกส์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากรัฐนิวยอร์ก ออกแถลงการณ์ในนามพรรคเดโมแครตโดยมีใจความว่า ปูตินได้รับชัยชนะด้านการประชาสัมพันธ์จากการประชุมร่วมกับทรัมป์ไปแบบง่าย ๆ มีกส์กล่าวว่าการประชุมบนดินแดนของสหรัฐฯ ที่มีรัสเซียเข้าร่วม แต่ไม่มียูเครนและไม่มีข้อตกลงใดใดเกิดขึ้น เป็นรางวัลที่ปูตินไม่สมควรได้รับ เขากล่าวด้วยว่าประธานาธิบดีทรัมป์ควรใช้แรงกดดันต่อปูติน ด้วยการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอันรุนแรงและการจัดหายุทโธปกรณ์ที่ยูเครนต้องการเพื่อปกป้องอธิปไตยของตนเอง แต่ในทางกลับกัน ทรัมป์กลับปูพรมแดงให้ปูตินและเป็นเรื่องน่าละอายที่ทรัมป์พยายาม ลบล้างความเป็นอาชญากรรมสงครามของปูตินด้วย
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้นับว่าผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง ตั้งแต่การประชุมระหว่างทรัมป์และปูตินเสร็จสิ้น แต่ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดจากทางฝั่งประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งอ้างอิงจากคำกล่าวของทรัมป์เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทรัมป์ให้คำมั่นว่าสายแรกที่เขาจะโทรหลังจากการประชุมกับปูตินเสร็จสิ้นก็คือ “ผู้นำยูเครน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทรัมป์-ปูติน ประชุมร่วมที่อะแลสกาเสร็จสิ้น "ยังไม่มีข้อตกลงเกิดขึ้น" เกี่ยวกับสงครามในยูเครน
- สัมพันธ์ "ทรัมป์-ปูติน" ทั้งเพื่อน ทั้งศัตรู?
- “ทรัมป์” เดินหน้าลดคนภาครัฐ บีบออก 300,000 คน ในปีนี้ หวังเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
- ทรัมป์เชื่อปูตินพร้อมบรรลุสันติภาพ สันติภาพรัสเซีย-ยูเครนยังเป็นไปได้
- ปูตินเผย รัสเซียอาจบรรลุข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ