ยอดผลิตรถยนต์ดิ่ง หนี้ครัวเรือนยังสูง ฉุดดัชนี MPI เดือน ก.ค.หดตัวร้อยละ 3.98
สำนักข่าวไทย Online
อัพเดต 28 สิงหาคม 2568 เวลา 22.56 น. • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา • สำนักข่าวไทย อสมทกรุงเทพฯ 28 ส.ค. – สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 93.34 หดตัวร้อยละ 3.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รับแรงกดดันจากการผลิตรถยนต์หดตัว ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังอยู่ในระดับสูง รวมถึงผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าในภาคอุตสาหกรรม
นายภาสกร ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนกรกฎาคม 2568 อยู่ที่ระดับ 93.34 หดตัวร้อยละ 3.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 57.37 ซึ่งเป็นผลมาจากการผลิตรถยนต์กลับมาหดตัวอีกครั้ง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งขนาดใหญ่ รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1,800 ซีซี และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก เนื่องจากมีผู้ผลิตรายใหญ่หยุดการผลิตชั่วคราวเพื่อย้ายโรงงาน ประกอบกับผู้ผลิตบางรายปรับลดปริมาณการผลิตรถยนต์สันดาปลงตามคำสั่งซื้อ และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ คือ โรงกลั่นน้ำมันขนาดใหญ่ 1 ราย หยุดซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามแผนประจำปี
นอกจากนี้ผู้ประกอบการมีการนำสินค้าในสต็อก (Inventory) ออกมาขาย เนื่องจากดูท่าทีผลของการเจรจาภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของสินเชื่ออุปโภคบริโภค สินเชื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิตยังคงปรับเพิ่มขึ้น ทำให้สถาบันการเงินเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลกระทบต่อยอดขายสินค้าภาคอุตสาหกรรม รวมถึงความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมปรับตัวลดลง อีกทั้ง นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศชะลอตัว ส่งผลต่ออุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารแช่แข็ง ไส้กรอก กระเป๋าเดินทาง รองเท้ากีฬา และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น
สำหรับระบบการเตือนภัยด้านเศรษฐกิจอุตสาหกรรมภาพรวมของไทย เดือนสิงหาคม 2568 “ส่งสัญญาณเฝ้าระวัง” โดยปัจจัยในประเทศส่งสัญญาณชะลอตัว จากผลของกำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมทั้งความเชื่อมั่น ด้านคำสั่งซื้อที่ลดลงจากความกังวลต่อผลกระทบมาตรการภาษีสหรัฐฯ ด้านปัจจัยต่างประเทศภาพรวมส่งสัญญาณ เฝ้าระวังเช่นกัน จากการนำเข้าในบางประเทศหดตัวลง และดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมขั้นสุดท้ายหดตัวลงตามอุปสงค์ที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ดัชนี MPI ไตรมาส 2 ปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 0.53 ด้าน GDP อุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 1.70 และ 7 เดือนแรก ปี 2568 ดัชนี MPI หดตัวร้อยละ 0.70 โดย สศอ. ได้ประมาณการ ดัชนี MPI ปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 0 – 0.5 ด้าน GDP อุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5 จากประมาณการเดิมที่คาดว่าดัชนี MPI ปี 2568 ขยายร้อยละ 0 – 1 และ GDP อุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5
“สศอ.ได้ประมาณการดัชนี MPI ปี 2568 ขยายตัวร้อยละ 0 – 0.5 ด้าน GDP อุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 0.5 – 1.5 ถึงแม้จะมีปัจจัยกดดันมาจากความไม่แน่นอนของนโยบายด้านเศรษฐกิจและมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ความสามารถในการแข่งขันที่ชะลอตัวลง ปัญหาหนี้ครัวเรือนและการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว และภาคการท่องเที่ยวมีทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง แต่ในช่วงระยะเวลาที่เหลือของปี 2568 ยังมีปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ การค้าระหว่างประเทศของไทยกับคู่ค้าหลักยังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง การผ่อนคลายนโยบายการเงินด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และทิศทางบวกจากผลการเจรจาภาษี Reciprocal Tariff กับสหรัฐฯ โดยไทยได้อัตราภาษีต่ำกว่า หรืออยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ทำให้ไทยยังคงสามารถรักษาความสามารถในการแข่งขันได้” นายภาสกร กล่าว
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลบวกต่อดัชนีผลผลิตเดือนกรกฎาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ มอเตอร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า หม้อแปลงไฟฟ้า และอุปกรณ์ควบคุม ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 54.69 จากหม้อแปลงไฟฟ้าเป็นหลัก เนื่องจากการเร่งผลิตและส่งมอบตามสัญญาจ้างทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
ชิ้นส่วนและแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 8.43 จาก PCBA เป็นหลัก จากการเร่งผลิตและส่งออกไปสหรัฐอเมริกาก่อนนโยบายขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะมีผลบังคับใช้ ประกอบกับการเติบโตของตลาด AI และมีการลงทุนในโครงการ Data Center ส่งผลให้มีการใช้ PCBA เพิ่มขึ้น
เหล็กและเหล็กกล้าขั้นมูลฐาน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.72 จากท่อเหล็กกล้าที่เร่งผลิตและส่งมอบตามคำสั่งซื้อที่ได้รับจากสหรัฐอเมริกา และเหล็กแผ่นเคลือบสังกะสีที่ผลิตเพื่อส่งมอบให้ผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศ
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลลบต่อดัชนีผลผลิตเดือนกรกฎาคม 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นปิโตรเลียม หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.43 จากน้ำมันดีเซล น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันเบนซิน 91 เป็นหลัก เนื่องจากผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงครั้งใหญ่
ยานยนต์ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.66 จากรถบรรทุกปิคอัพ รถยนต์นั่งขนาดใหญ่ รถยนต์ไฮบริดไม่เกิน 1800 ซีซี และรถยนต์นั่งขนาดเล็ก จากการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อย้ายโรงงานของผู้ผลิตบางราย ประกอบกับมีผู้ผลิตบางรายปรับลดปริมาณการผลิตลง ตามคำสั่งซื้อที่ลดลงมาก
ผลิตภัณฑ์ยางอื่นๆ หดตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6.51 จากยางแท่งตามคำสั่งซื้อของลูกค้าจีนลดลง และถุงมือยางทางการแพทย์ซึ่งมีผู้ผลิตบางรายหยุดผลิตชั่วคราว. -517-สำนักข่าวไทย