สอบสวนกลาง บุก มจร.-วัดนครสวรรค์ ตรวจสอบเส้นเงิน ปมพระฉาว
เมื่อวันที่ 22 ก.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนครสวรรค์ พระอารามหลวง และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) วิทยาเขตนครสวรรค์ โดยล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญพบว่า เจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) สนธิกำลังร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดนครสวรรค์ เข้าตรวจค้นพื้นที่ภายในวิทยาเขต มจร.นครสวรรค์ รวมถึง ร้านอาหารและร้านกาแฟ ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารหอสมุดและเทคโนโลยีสารสนเทศของมหาวิทยาลัย หลังได้รับเบาะแสว่าอาจเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินที่ไม่โปร่งใส
‘วัดนครสวรรค์’ ยัน ‘พระธรรมวชิรธีรคุณ’ สึก เป็นเรื่องส่วนตัว แจงเหตุสร้างพุทธอุทยานล่าช้า
โดยมีรายงานว่า อาคารดังกล่าว ชั้นล่างฝั่งซ้ายเปิดเป็นร้านอาหาร ฝั่งขวาเป็นห้องทำงานส่วนตัวของ รักษาการ ผอ.มจร.นครสวรรค์ ขณะที่ชั้นสองเป็นห้องสมุด และชั้นสามใช้เป็นห้องทำงานของอาจารย์พิเศษและห้องประชุมย่อย ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายในพื้นที่มหาวิทยาลัย แต่กลับพบว่าไม่มีการแจ้งเปิดบริการร้านอาหารอย่างเป็นทางการ และในวันที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจ พบว่าร้านปิดทำการโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า สร้างความผิดสังเกตให้กับผู้เกี่ยวข้อง
ต่อมา ทั้งหมดได้ขยายผลเข้าตรวจสอบอาคารพุทธอุทยานนครสวรรค์ ซึ่งอยู่ติดกับวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ และเป็นสถานที่ก่อสร้าง “องค์พระศรีสัพพัญญู” องค์พระประธานประจำพุทธอุทยานที่ยังสร้างไม่เสร็จ โดยในช่วงระหว่างนี้ พ.ต.อ.สมรภูมิ สอบถามพระครูสุธาธรรมบัณฑิต ถึงกระบวนการบริหารงานของมหาวิทยาลัยฯ รวมถึงที่มาของการบรรจุสีการายหนึ่ง ตำแหน่งอาจารย์และรักษาการผู้อำนวยการสำนักงาน โดยพระครูสุธา ชี้แจงว่า อดีตเจ้าอาวาสเป็นผู้แนะนำ หลังพบฝ่ายหญิงมาทำบุญที่วัด เห็นว่ามีความรู้ด้านบัญชีการเงิน จึงชักชวนให้ร่วมงาน ก่อนจะผลักดันเข้าสู่ตำแหน่ง
พ.ต.อ.สมรภูมิ ไทยเขียว รอง ผบก.ปปป. เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เป็นการบูรณาการร่วมหลายหน่วยงาน เพื่อรวบรวมเอกสารการเงินและตรวจสอบการบริหารภายใน มจร.วิทยาเขตนครสวรรค์ หลังพบว่ามีผู้บริหารที่เกี่ยวพันกับการทุจริตจากวัดนครสวรรค์ เข้ามาร่วมบริหารในสถาบันแห่งนี้ด้วย ซึ่งเบื้องต้นพบปัญหาการจัดสรรงบประมาณที่ไม่เพียงพอ มีความขัดแย้งในระบบบริหาร และเอกสารการเงินบางส่วนไม่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้
ด้าน ผศ.ศศิกิจจ์ อ่ำจุ้ย ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนิสิต กล่าวว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานเพื่อความโปร่งใส และยืนยันว่าเพิ่งทราบข่าวการลาออกจากเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะเท่านั้น ไม่ทราบรายละเอียดเบื้องลึก ส่วนขั้นตอนการบรรจุเข้าทำงานใน มจร. เป็นกระบวนการที่ดำเนินการผ่านส่วนกลางที่อำเภอวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา
เมื่อถูกถามถึงความสนิทสนมระหว่างอดีตเจ้าอาวาสวัดนครสวรรค์ กับรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขตนครสวรรค์ อาจารย์ศศิกิจจ์ กล่าวว่า “ไม่ทราบเรื่องเป็นการส่วนตัว เพียงเห็นอดีตเจ้าอาวาสเดินทางมาปฏิบัติงานด้านวิชาการที่วิทยาเขตบ่อยครั้งเท่านั้น”
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการขยายผลตรวจสอบพื้นที่พุทธอุทยาน ซึ่งมีรั้วติดกับวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้าง “องค์พระศรีสัพพัญญู” ที่ยังไม่แล้วเสร็จ และได้รับข้อร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับการใช้จ่ายงบประมาณและการบริหารจัดการ ซึ่งอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในกระแสข่าวอื้อฉาวชุดนี้ และคดีนี้ยังคงอยู่ระหว่างการสืบสวนอย่างละเอียด โดยหลายฝ่ายจับตาว่าการลาออกของ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขตนครสวรรค์ ในจังหวะเวลานี้ อาจไม่ใช่เพียงการปรับบทบาททางวิชาการธรรมดา แต่คือก้าวแรกของการหลีกทางจากปมร้อนทางกฎหมายที่กำลังปะทุขึ้นในวงการสงฆ์
สำหรับการที่ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานวิทยาเขตนครสวรรค์ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง โดยให้เหตุผลว่า จะไปปฏิบัติหน้าที่ด้านวิชาการในตำแหน่งอาจารย์แทน นั้น ขณะนี้ยังไม่สิ้นสุดสมบูรณ์ เนื่องจากอยู่ในระหว่างรอการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหารงานบุคคลระดับวิทยาเขตและส่วนกลางของมหาวิทยาลัย การลาออกครั้งนี้ เป็นเพียงการพ้นจากตำแหน่งบริหาร ยังคงสถานะเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า พระพรหมวัชรธีราจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้มีคำสั่งแต่งตั้ง พระครูศรีสุธรรมนิวิฐ, รศ.ดร. ผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์นครสวรรค์ ให้ทำหน้าที่รักษาการรองอธิการบดี วิทยาเขตนครสวรรค์ แทนตำแหน่งที่ว่างลง