โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

มติ ครม.ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์-เปิดลงทะเบียน “ทางรัฐ” รับสิทธิ์ ‘20 บาทตลอดสาย ส.ค.นี้

ไทยพับลิก้า

อัพเดต 4 ชั่วโมงที่ผ่านมา • เผยแพร่ 5 ชั่วโมงที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

  • มติ ครม.ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์
  • เปิดลงทะเบียน “ทางรัฐ” รับสิทธิ ‘20 บาทตลอดสาย ส.ค.นี้
  • จัดงบ 343 ล้าน ให้ ‘กองทัพไทย’ ปรับปรุง “One Map”
  • เห็นชอบโครงการสำรวจ ปชช.ที่ไม่มีมือถือ
  • เด้ง 2 อธิบดี ปค.-สถ. นั่งผู้ตรวจราชการ

เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 10.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.มีดังนี้

ครม.ถอนร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติให้ถอน“ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ….. ” ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ตามที่กระทรวงการคลัง (กค.) นำเสนอ ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้เสนอร่างฯ ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้มีการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยกำหนดกลไกการดำเนินการผ่านระบบคณะกรรมการ 2 ระดับ คือ คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร และคณะกรรมการบริหารสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีสำนักงานควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เป็นหน่วยธุรการของคณะกรรมการดังกล่าว กำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาต รวมทั้งกำหนดมาตรการควบคุมและกำกับดูแลการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรให้มีมาตรฐานและเหมาะสม

ก่อนหน้านี้ที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติฯดังกล่าวตามที่ กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน โดยให้นำความเห็นและข้อสังเกตของคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 5 รวมทั้งรับความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกา (คณะพิเศษ) ได้ตรวจพิจจรณาร่างพระราชบัญญัติตามข้อ 22 เสร็จแล้ว และได้แก้ไขเพิ่มเติมรายละเอียดต่าง ๆ ให้ชัดเจนขึ้น และแก้ไขเพิ่มเติมในสาระสำคัญ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (27 มีนาคม 2568 ) เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ของ กค. ที่ สคก. ตรวจพิจารณาแล้ว และให้ส่งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรต่อไป จากนั้นคณะรัฐมนตรีได้มีมติ (1 เมษายน 2568) รับทราบ การสรุปผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร วันจันทร์ที่ 31 มีนาคม 2568 ซึ่งให้เสนอร่างพระราชบัญญัติ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อบรรจุในระเบียบวาระแล้ว

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า วันนี้ ที่ประชุม ครม.ครั้งที่ 27 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วเห็นว่า กระทรวงการคลังได้เสนอขอถอนร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรนั้น เนื่องจากได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้รัฐมนตรีพ้นจากความเป็นรัฐมนตรีและมีการแต่งตั้งรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2568 ประกอบกับร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับภาคสังคม เห็นสมควรถอน ร่างพระราชบัญญัติในเรื่องนี้ ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร

ดังนั้น จึงเห็นควรนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบ และหากไม่มีข้อทักท้วง หรือ ไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นให้ถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ถอนร่าง พรบ. ดังกล่าวตามที่ กระทรวงการคลังเสนอตามเหตุผลดังกล่าวข้างต้น

เปิดลงทะเบียน “ทางรัฐ” รับสิทธิ ‘20 บาทตลอดสาย’ ส.ค.นี้

นายจิรายุ กล่าวว่าที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสาย ในราคาไม่เกิน “20 บาทตลอดสาย” ตามกระทรวงคมนาคมเสนอ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดราคาค่าครองชีพในทุกมติ ให้กับประชาชน เช่น การปรับราคาค่าครองชีพ ค่าสาธารณูปโภค และค่าพลังงานต่าง ๆ

ทั้งนี้ นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย จัดอยู่ในนโยบายเร่งด่วน ที่รัฐบาลให้คำมั่นไว้กับประชาชน ที่จะเร่งดำเนินการ ซึ่งมั่นใจว่าปริมาณผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เนื่องด้วยผู้ให้บริการรถไฟฟ้าในปัจจุบันมีรูปแบบสัญญาสัมปทานและสัญญาจ้างเดินรถที่มีข้อกำหนดหรือเงื่อนไขทางธุรกิจแตกต่างกัน จึงได้กำหนดให้ประชาชนลงทะเบียนตามเงื่อนไขที่กำหนดบนแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” เพื่อรองรับการใช้งานตามนโยบาย

โดยเงื่อนไขการลงทะเบียนนั้น ก็เพื่อยืนยันตัวบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น โดยระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก และสามารถใช้ผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่เคยลงทะเบียนไว้) ที่จะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้าผ่านแอปฯ “ทางรัฐ” ทั้งนี้ บัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิ์โดยอัตโนมัติ เมื่อใช้งานหลังจากเริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 โดยจะครอบคลุมทั้งโครงข่ายรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าสายสีเขียว,สีทอง,สีเหลือง,สีชมพู,สีน้ำเงิน,สายสีม่วง,สายสีแดง และ สายแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ (ARL)

ทั้งนี้การใช้บริการรูปแบบบัตร Rabbit Card (บัตรเติมเงิน) จะใช้ได้กับสายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู ขณะที่บัตร EMV Contactless (หรือบัตรเครดิต Visa/Mastercard) สามารถใช้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, ARL (ไม่รวมสีทองและสีเขียว) โดยในอนาคตจะมีการเปิดระบบสแกน QR Code ในมือถือแทนการใช้บัตร เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชน

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า โดยมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสายนี้จะครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวน 13 เส้นทาง ระยะทางรวม 279.84 กิโลเมตร 194 สถานี สำหรับแนวทางการชดเชยรายได้ค่าโดยสารจากการดำเนินมาตรการ จะมาจากกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม หรือแหล่งเงินอื่นที่เหมาะสม ทั้งนี้ ยังได้ประมาณการผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการดำเนินมาตรการดังกล่าวในช่วง 1 ปี ในเชิงปริมาณและมูลค่าจากจำนวนผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าที่ได้รับผลประโยชน์ จะประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่

  • ด้านเศรษฐกิจ ประเมินจากการประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์
  • ด้านสังคม ประเมินจากค่าความสุข และ การลดมูลค่าความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุ และ
  • ด้านสิ่งแวดล้อม ประเมินจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ทั้ง 3 ด้าน ประเมินเป็นประโยชน์ในการประหยัดงบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท

“ภายในช่วงเดือนสิงหาคม 2568 จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิ์ค่าโดยสาร 20 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” และภายใน 1 ตุลาคม 2568 จะเริ่มดำเนินมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า สูงสุด 20 บาทตลอดสายตามนโยบายรัฐบาล และภายหลังจากนั้นจะมีกระบวนการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้โครงสร้างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า “สำหรับมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าสูงสุด 20 บาทตลอดสาย จะเป็นการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้บริการสาธารณะ ลดภาระค่าครองชีพแก่ประชาชน ช่วยเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงระบบบริการสาธารณะของรัฐเพื่อเดินทางถึงปลายทางด้วยระบบรถไฟฟ้า ที่มีความปลอดภัย สะดวก ตรงเวลา และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในราคาค่าโดยสารที่เข้าถึงได้ตามนโยบายของรัฐบาล เกิดการใช้บริการในระบบขนส่งมวลชน รวมทั้งความคุ้มค่าจากผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางราง ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการเดินทาง ลดความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุ และเพิ่มมูลค่าความอยู่ดีมีสุขของประชาชน เป็นส่วนสนับสนุนการลดปริมาณรถยนต์บนท้องถนน ลดปัญหาการจราจรติดขัด และลดการใช้พลังงานน้ำมัน ลดปริมาณมลพิษจากการจราจร ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ส่งเสริมให้คุณภาพอากาศในพื้นที่ตามแนวสายทางและข้างเคียงให้ดีขึ้น”

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษก ฯ และนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกฯร่วมกันแถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ที่มาภาพ : www.thaigov.go.th/

จัดงบ 343 ล้าน ให้ ‘กองทัพไทย’ ปรับปรุง “One Map”

นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมตามที่กระทรวงกลาโหม เสนอ ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้นำกราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว เห็นชอบให้กองบัญชาการกองทัพไทยใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น วงเงินรวมทั้งสิ้น 342,930,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการบริหารจัดการที่ดินของประเทศและการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1: 4,000 (One Map) โดยเบิกจ่ายในงบรายจ่ายอื่น ดังนี้

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2568 คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติได้เห็นชอบการขอรับการสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายดังกล่าวแล้ว

เห็นชอบโครงการสำรวจ ปชช.ที่ไม่มีมือถือ

นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่าที่ ประชุม ครม.มีมติอนุมัติตามที่ กระทรวงการคลัง (กค.) เสนอให้พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงการคลัง (กค.) กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หารือเพื่อกำหนดระยะเวลาการดำเนินโครงการฯ ที่เหมาะสมต่อไป

รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าว จัดทำขึ้นเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยการดำเนินโครงการฯ จะทำให้รัฐบาลมีข้อมูลของประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน ซึ่งไม่อาจเข้าถึงการดำเนินนโยบายหรือมาตรการของรัฐที่กำหนดให้ลงทะเบียน หรือให้ตรวจสอบสิทธิ หรือที่ให้ใช้สิทธิผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินนโยบายของรัฐพัฒนาการบริการของภาครัฐ และวางแผนการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลตามนโยบายรัฐบาลได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป

ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีเห็นชอบโครงการลงทะเบียนเพื่อสำรวจประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟน โดยมีความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ให้หน่วยงานที่เป็นเจ้าของโครงการและหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลระบบลงทะเบียน ควรเป็นผู้ดำเนินการบริหารจัดการข้อมูลโครงการฯ ต่อไป และเพิ่มเรื่องการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์

ผ่อนผันแรงงานเมียนมาทำงานต่อถึง 13 ก.พ.ปี’69

นางสาวศศิกานต์ กล่าวว่าที่ ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบเรื่อง การผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานต่อไป ตามที่กระทรวงแรงงาน (รง.) เสนอ ซึ่งประกอบด้วย การให้ความเห็นชอบในเรื่องดังต่อไปนี้

1. เห็นชอบแนวทางการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานต่อไป และร่างประกาศที่เกี่ยวข้อง 2 ฉบับ ได้แก่

1.1 ร่างประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้านสัญชาติเมียนมาตามมติ ครม. เมื่อวันที่…

1.2 ร่างประกาศกระทรวงแรงงาน เรื่อง การอนุญาตให้คนต่างด้าวทำงานในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ สำหรับคนต่างด้านสัญชาติเมียนมาตามมติ ครม. เมื่อวันที่…

2. ให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมจัดหางาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามแนวทางการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานต่อไป และประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ และความเข้าใจง่ายให้นายจ้าง/ผู้ประกอบการ แรงงานต่างด้าว และผู้ที่เกี่ยวข้องรับทราบข้อมูลการดำเนินการดังกล่าวอย่างทั่วถึง

ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานได้กำหนดแนวทางการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมาซึ่งได้รับการขยายระยะเวลาการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวและทำงานต่อไป สรุปได้ ดังนี้

  • กลุ่มเป้าหมาย คนต่างด้าวสัญชาติเมียนมาที่นายจ้างได้ยื่นบัญชีรายชื่อความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2568
  • ขั้นตอนการดำเนินการ เป็นการผ่อนผันให้คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมายอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ เพื่อทำงานเป็นระยะเวลา 6 เดือน ระหว่างวันที่ 14 สิงหาคม 2568 ถึง 13 กุมภาพันธ์ 2569

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยกระทรวงแรงงาน ได้เสนอร่างประกาศที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการในเรื่องนี้ ตลอดจนกระทรวงสาธารณสุข และสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร จะดำเนินการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพให้แก่คนต่างด้าวกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จะดำเนินการตรวจลงตรา

ยืดเวลาพัฒนานวัตกรรมนโยบายกับ UNDP ถึงสิ้น ก.ย.ปี’70

นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เสนอ ดังนี้

  • เห็นชอบร่างพิธีสาร เพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วน ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme: UNDP) ในการดำเนินงานศูนย์นวัตกรรมระดับภูมิภาคกรุงเทพมหานคร – UNDP (Bangkok – UNDP Regional Innovation Center: RIC) (ศูนย์ RIC) (ร่างพิธีสารฯ) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงถ้อยคำของร่างพิธีสารฯในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญ และไม่ขัดผลประโยชน์ของประเทศไทย ขอให้ สศช. ดำเนินการได้โดยไม่ต้องเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
  • อนุมัติให้เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมายลงนามในร่างพิธีสารฯ ของฝ่ายไทย พร้อมทั้งมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม
  • เห็นชอบกรอบวงเงินโครงการความร่วมมือ ระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับ UNDP ในการดำเนินงานศูนย์ RIC (โครงการความร่วมมือ RIC) รวมทั้งสิ้นจำนวน 2,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 72,000,000 บาท โดย สศช. จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป (ร่างพิธีสารฯ เป็นการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการความร่วมมือ RIC จากวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568เป็นวันที่ 30 กันยายน 2570 เพื่อขยายผลกระบวนการพัฒนานวัตกรรมนโยบายให้เกิดประสิทธิภาพ และประสิทธิผลแก่ประเทศไทยมากที่สุด)

นายอนุกูล กล่าวต่อว่า ร่างพิธีสารฯ มีสาระสำคัญเป็นการขยายระยะเวลาดำเนินโครงการความร่วมมือฯ ออกไปอีก 31 เดือน (ครั้งที่ 4) นับแต่วันสิ้นสุดความตกลงว่าด้วยโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติในการดำเนินงานศูนย์ RIC (ความตกลงศูนย์ RIC) จาก 28 กุมภาพันธ์ 2568 เป็น วันที่ 30 กันยายน 2570 (มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2568 – 30 กันยายน 2570) เพื่อผลักดันการใช้นวัตกรรมเชิงนโยบายในการออกแบบนโยบายระดับชาติ และขยายผลการพัฒนานวัตกรรมนโยบายเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินนโยบายสาธารณะ โดยที่ผ่านมามีผลการดำเนินโครงการความร่วมมือ RIC ที่สำคัญทั้งสิ้น จำนวน 63 ชิ้นงาน เช่น การพัฒนาเครื่องมือและกระบวนการแบบใหม่ รวมทั้งการขยายผลต่อยอดร่วมกับภาคีเครือข่ายการดำเนินงาน โดยเฉพาะการพัฒนาและทดลองใช้กระบวนการนโยบายสาธารณะ ขั้นตอนและการประยุกต์ใช้เครื่องมือเชิงนโยบายต่าง ๆ ในพื้นที่จริง

นอกจากนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) มีแนวทางในการดำเนินโครงการความร่วมมือ RIC ในระยะต่อไป โดยขยายผลนวัตกรรมนโยบายสาธารณะจากองค์ความรู้ของห้องปฏิบัติการนโยบายประเทศไทย โดยการนำองค์ความรู้และเครื่องมือการพัฒนานวัตกรรมนโยบายสาธารณะไปขับเคลื่อนประเด็นนโยบายสาธารณะ และสร้างเครือข่ายความรู้นวัตกรรมนโยบายสาธารณะในระดับภูมิภาค ผ่านกลไกของ UNDP

ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงบประมาณ (สงป.) และสำนักงาน ก.พ.ร. พิจารณาแล้วเห็นด้วย/เห็นสมควรให้ความเห็นชอบ/ไม่มีข้อขัดข้องตามที่ สศช. เสนอ เนื่องจากจะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องบรรลุเป้าหมาย และเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านนวัตกรรมและเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรของไทย โดย สงป. เห็นควรให้ สศช. ใช้จ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับจัดสรร หรือพิจารณาปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายจากงบประมาณ หรือโอนเงินจัดสรร หรือเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร แล้วแต่กรณีตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม หรือจัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อเสนอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสมตามขั้นตอนต่อไป ส่วนกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า ร่างพิธีสารฯ เป็นสนธิสัญญาตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 178 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ดังนั้น สศช. จึงขอให้ กต. จัดทำหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติหรือผู้ที่ได้รับมอบหมายซึ่งเป็นผู้ลงนามในร่างพิธีสารฯ ของฝ่ายไป

เด้ง 2 อธิบดี ปค.-สถ.นั่งผู้ตรวจราชการ

นายอนุกูล กล่าวว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.มีมติอนุมัติ/เห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ หรือ ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานรัฐ มีรายละเอียดดังนี้

1. เรื่อง ขออนุมัติต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญผู้ดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงคมนาคม)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เสนอการต่อเวลาการดำรงตำแหน่งของ นายชยธรรม์ พรหมศร ข้าราชการพลเรือนสามัญ ตำแหน่งปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงคมนาคม (คค.) ซึ่งจะดำรงตำแหน่งดังกล่าวครบการต่อเวลา 1 ปี (ครั้งที่ 1) ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ต่อไปอีก 1 ปี (ครั้งที่ 2) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2569

2. เรื่อง การเสนอรายชื่อบุคคล เพื่อเข้ารับการแต่งตั้งเป็นกรรมการในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมาน และการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตามมาตรา 14 (4) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่กระทรวงยุติธรรม เสนอแต่งตั้ง นายกิตติ สุระคำแหง เป็นกรรมการ (ด้านสิทธิมนุษยชน) ในคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตามมาตรา 14 (4) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 แทน นายสมชาย หอมลออ กรรมการที่พ้นจากตำแหน่งเนื่องจากขอลาออก

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งแทนตำแหน่งที่ว่างนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการ ซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้ว

3. เรื่อง การแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญให้ดำรงตำแหน่ง ประเภทบริหารระดับสูง (กระทรวงมหาดไทย)

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเสนอแต่งตั้ง ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 ราย เพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่าง และสับเปลี่ยนหมุนเวียน ดังนี้

  • นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
  • นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ดำรงตำแหน่ง ผู้ตรวจราชการกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง
  • นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมการปกครอง
  • ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี สำนักงานปลัดกระทรวง ดำรงตำแหน่ง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

4. เรื่อง การแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติเป็นหลักการ มอบหมายให้รัฐมนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ตามความในมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 จำนวน 2 รายตามลำดับ ตามที่กระทรวงวัฒนธรรม เสนอ ดังนี้

  • รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายสุชาติ ตันเจริญ)
  • รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นางสาวจิราพร สินธุไพร)

อ่าน มติ ครม.ประจำวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 เพิ่มเติม

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก ไทยพับลิก้า

50 ปี ตลาดหลักทรัพย์ฯ จาก Legacy สู่ Future ผ่านมุมมองประธานฯ 3 ยุค และ 3 วิทยากรคนรุ่นใหม่

4 ชั่วโมงที่ผ่านมา

พูดกันมากแล้ว “ปฏิวัติการศึกษา” แต่ไม่มีใครคิด เรื่อง โรงเรียน “มัธยมปลายอุตสาหกรรมเฉพาะ”

8 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความทั่วไปอื่น ๆ

ราชกิจจาฯ ประกาศ ขับรถผ่านแอปฯ ต้องจดทะเบียน-มีใบขับขี่สาธารณะ บังคับใช้ใน 90 วัน

Thaiger

ล่าเดือดกลางดึก! สกัดปาเจโร่ขนยาบ้า 2.7 ล้านเม็ดกลางกรุง

INN News

ระทึก! รถทัวร์พลิกคว่ำโค้งปราบเซียนเพชรบุรี ผู้โดยสารทั้งไทย ต่างชาติบาดเจ็บระนาว

มุมข่าว

ตร.ประชุมเตรียมพร้อมการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติในหลวง 28 ก.ค.

INN News

10 เคล็ดลับประหยัดไฟในบ้าน ที่ทุกบ้านทำได้ทำง่าย ลดค่าไฟได้ชัวร์

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด มอบวิทยุสื่อสารให้กองทัพภาคที่ 2

INN News

จุดนี้ที่ร้อนแรงที่สุด ความเผ็ดของพริก! เผยความลับที่หลายคนมองข้าม

ThaiNews - ไทยนิวส์ออนไลน์

หนุ่มเกาหลีซิ่งรถชนระนาว อ้างถุงลมกระแทกหน้า คุมรถไม่ได้

ข่าวช่องวัน 31

ข่าวและบทความยอดนิยม

Loading...