นายกฯ ญี่ปุ่นเตรียมลาออกเดือนหน้า หลังแพ้เลือกตั้ง-ดีลการค้าทรัมป์
การเมืองญี่ปุ่นกำลังเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ หลังแหล่งข่าวใกล้ชิดเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะ เตรียมประกาศลาออกจากตำแหน่งในเดือนหน้า หลังพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) พ่ายแพ้ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นสัญญาณชัดเจนของความไม่พอใจที่สะสมในหมู่ประชาชน
การตัดสินใจของอิชิบะครั้งนี้เกิดขึ้นในจังหวะเดียวกับการประกาศความสำเร็จของข้อตกลงการค้าระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ซึ่งได้เจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยสามารถลดภาษีนำเข้ารถยนต์ญี่ปุ่น และหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีใหม่ที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสินค้าญี่ปุ่นหลายรายการในตลาดสหรัฐฯ
แม้จะเป็นข้อตกลงที่รัฐบาลญี่ปุ่นรอคอยมานาน แต่ความสำเร็จในเวทีระหว่างประเทศกลับไม่สามารถกลบกระแสความไม่พอใจในประเทศได้ อิชิบะจึงเลือกที่จะไม่ประกาศลาออกทันทีหลังการเลือกตั้งเพื่อหลีกเลี่ยงความปั่นป่วนทางการเมืองก่อนถึงเส้นตายการเจรจาการค้าในวันที่ 1 สิงหาคม
การลาออกซึ่งเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งปีหลังจากรับตำแหน่ง จะเปิดฉากศึกชิงตำแหน่งผู้นำพรรค LDP ครั้งใหม่ ท่ามกลางแรงกดดันจากพรรคการเมืองหน้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มขวาจัด "Japanese First" (Sanseito) ที่ผงาดขึ้นอย่างรวดเร็วจากการเลือกตั้งรอบล่าสุด โดยสามารถเพิ่มจำนวนที่นั่งในวุฒิสภาได้จาก 1 เป็น 14 ที่นั่ง
พรรคซานเซโตะกำลังได้รับความนิยมจากนโยบายแข็งกร้าว เช่น การจำกัดผู้อพยพ ลดภาษี และแจกเงินเยียวยาครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งนโยบายเหล่านี้ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้นหลามจากประชาชนที่รู้สึกว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันยังไม่สามารถจัดการกับวิกฤตค่าครองชีพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ก่อนหน้านี้ อิชิบะสามารถคว้าชัยในศึกชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค LDP เมื่อปีที่แล้ว ด้วยการเอาชนะซานาเอะ ทากาอิจิ นักการเมืองสายอนุรักษนิยมเข้มข้น แต่กระแสความนิยมของพรรคกลับลดฮวบ หลังพ่ายแพ้การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลขาดเสียงข้างมากทั้งในสภาล่างและสภาบน
ผู้นำพรรคคนใหม่ที่จะเข้ามาแทนอิชิบะ จะต้องเผชิญความท้าทายทันทีในการรวบรวมเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคฝ่ายค้าน เพื่อให้สามารถผ่านการรับรองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากรัฐสภาได้สำเร็จ ท่ามกลางสมรภูมิการเมืองที่ยังไร้เสถียรภาพ
แหล่งข่าวระบุว่า ผู้นำคนใหม่ไม่น่าจะเร่งจัดการเลือกตั้งทั่วไปในทันที แต่จะเน้นไปที่การฟื้นฟูภาพลักษณ์และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนก่อน จากนั้นจึงค่อยวัดพลังอีกครั้งในสนามเลือกตั้ง
ขณะที่ประชาชนญี่ปุ่นกำลังจับตาการเปลี่ยนผ่านผู้นำครั้งนี้ด้วยความกังวลใจ อนาคตของพรรค LDP ก็เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ขณะเดียวกัน กลุ่มการเมืองใหม่ โดยเฉพาะขั้วขวาจัด กำลังก้าวขึ้นมาเป็นพลังใหม่ที่มีอิทธิพลมากขึ้นเรื่อย ๆ ในสมรภูมิการเมืองญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน