ปิดตำนาน 37 ปี บรรณาธิการ Vogue ของ ‘Anna Wintour’ หญิงทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น ผู้พร้อมแหกขนบเดิมๆ กับความตั้งใจที่จะส่งไม้ต่อสู่ บก. คนใหม่ ปั้นโว้กให้ ‘ใหม่’ กว่าเดิม
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา (26 มิถุนายน 2568) หัวเรือแฟชั่นอย่างแอนนา วินทัวร์ (Anna Wintour) ได้ประกาศยุติบทบาทของการเป็นบรรณาธิการบริหารนิตยสารโว้ก (Vogue) หลังจากที่เธอได้ครองตำแหน่งมานานถึง 37 ปี
“ทุกคนที่ทำงานด้านสายครีเอทีฟรู้ดีว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่หยุดพัฒนาในสิ่งที่ทำ” แอนนากล่าวกับทีมงานโว้ก ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี เธอเสริมว่า “ตอนที่ฉันเริ่มเป็นบรรณาธิการของโว้ก ฉันกระตือรือร้นมากที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนยอมฟังว่า เรายังสามารถจินตนาการถึงนิตยสารแฟชั่นอเมริกันในรูปแบบใหม่ที่น่าตื่นเต้นได้”
“ตอนนี้ฉันมีความยินดีอย่างยิ่งในการช่วยและสนับสนุนบรรณาธิการรุ่นใหม่ที่เต็มไปด้วยพลังและความหลงใหล ได้ออกไปโลดแล่นในวงการด้วยแนวคิดของพวกเขาเอง นำพามุมมองใหม่ๆ อันน่าตื่นเต้นให้บริษัทสื่อขนาดใหญ่ควรจะเป็น และนั่นแหละ คือคนประเภทเดียวกันที่เราจำเป็นต้องมองหา เพื่อมารับตำแหน่งหัวหน้าบรรณาธิการของโว้กอเมริกาต่อไป”
Getty Images
ซึ่งยังไม่รู้แน่ชัดว่าวันสุดท้ายของการทำงานของเธอจะสิ้นสุดที่วันไหน แต่อย่างไรแอนนาก็ยังคงดำรงในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเนื้อหาระดับโลกของบริษัท คองเดนาสต์ (Condé Nast) ซึ่งเป็นบริษัทสำนักพิมพ์ที่ครองหัวนิตยสารต่างๆ อย่าง Vogue, The New Yorker, GQ, Vanity Fairm Architectral Digest และ Condé Nast Traveler รวมถึงตำแหน่งผู้อำนวยการเนื้อหาระดับโลก (global editorial director) ของโว้กด้วย
Getty Images
เธอยังเสริมว่าบทบาทความรับผิดชอบในหน้าที่การงานที่โว้กก็ยังเป็นเหมือนเดิม “รวมถึงการสอดส่องอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างใกล้ชิด รวมถึงการรักษาประเพณีในงาน Met Ball รวมถึงการวางแนวทางให้กับโว้กทั่วโลกในอนาคต และไอเดียบ้าบิ่นอื่นๆ ที่เราอาจจะคิดขึ้นมาได้ และแน่นอนว่าไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฉันวางแผนจองคอลั่มด้านเทนนิสและละครเวทีของโว้กไปตลอดกาล” (เพราะนี่คือสองสิ่งที่แอนนนาโปรดปรานมากที่สุด!)
Getty Images
หากย้อนดูประวัติการทำงานของแอนนา วินทัวร์ ที่ปัจจุบันนี้อายุ 75 ปี เธอเริ่มต้นสายงานแฟชั่นด้วยการเป็นผู้ช่วยบรรณาธิการที่ Harper’s & Queen ในปี 1970 แล้วขยับขยายไปทำงานกับนิตยสาร Harper’s Bazaar และ New York Magazine ก่อนจะมาเป็นครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ที่โว้กอเมริกาในปี 1983 ต่อมาเธอได้กลายมาเป็นบรรณาธิการบริหารที่บริติชโว้กก่อนกลับมารับตำแหน่งเดิมที่โว้กอเมริกาในปี 1988
ซึ่งเธอได้สร้างปรากฎการณ์แฟชั่นใหม่ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเปลี่ยนการถ่ายปกจากเดิมที่มีแต่การถ่ายในสตูดิโอที่เป็นช็อตโคลสอัพไม่เห็นเสื้อผ้า กลายเป็นการถ่ายแฟชั่นนอกสถานที่ต่างๆ การปั้นงานอีเวนต์ Met Gala เพื่อนำทุนไปสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ Metropolitan Museum of Art’s Costume Institute ที่ทำให้เธอกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกแฟชั่น
ปกโว้กปกแรก เธอใช้คำโปรยว่า ‘Fashion Bible’ หรือ คัมภีร์แฟชั่นในเดือน พฤศจิกายน 1988 โดยได้นางแบบชาวอิสราเอล มีคาเอล่า แบร์คู (Michaela Bercu) ถ่ายภาพโดย ปีเตอร์ ลินด์เบิร์ก (Peter Lindbergh) และสไตลิ่งโดย คาร์ลีน เซิร์ฟ เดอ ดูเซล (Carlyne Cerf de Dudzeele)
“นี่คือปกที่แหวกธรรมเนียมเดิมที่มีแต่ภาพโคลสอัพอันเป็นเอกลักษณ์ของปกโว้กในยุคก่อน ประโคมด้วยเมคอัพและเครื่องประดับเยอะๆ และปกนี้ได้ฉีกทุกกฎแล้ว” แอนนากล่าวในนิตยสารโว้กเล่มฉลองครบ 120 ปี เมื่อปี 2010
และด้วยบุคคลิกนางนิ่งของเธอที่ดูน่าเกรงขาม ก็จุดประกายให้เกิดตัวละครอย่าง มิแรด้า พรีสลีย์ (Miranda Priestly) ในภาพยนตร์ปี 2006 เรื่อง “The Devil Wears Prada” ที่นำแสดงโดยเมอรีล สตรีป (Meryl Streep) ที่ได้เนื้อเรื่องมาจากหนังสือชื่อเรื่องเดียวกันที่แต่งโดยอดีตลอร่า ไวส์เบอร์เกอร์ (Laura Weisberger) ผู้ช่วยของแอนนาเอง โดยเธอให้สัมภาษณ์ในปี 2010 กับ Daily Mail ว่า “หนังเรื่องนี้ไม่ได้ถ่ายทอดตัวตนของวินทัวร์แบบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์หรอกค่ะ แต่แน่นอนว่าช่วงเวลาที่ฉันทำงานที่โว้กมีอิทธิพลต่อหนังสือเล่มนี้ นั่นปฏิเสธไม่ได้เลย”
“แต่มันน่าตื่นเต้นขนาดไหนกันนะ” เธอสรุป “ที่จะได้ทำงานเคียงข้างคนใหม่ที่จะเข้ามาท้าทาย จุดประกายแรงบันดาลใจให้เรา และทำให้ทุกคนมองโว้กด้วยมุมมองแปลกใหม่ยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม” คงต้องรอติดตามกันว่าใครที่จะรับไม้ต่อจากแอนนา วินทัวร์ และจะมาปฏิวัติวงการแฟชั่นได้เทียบเคียงกับระดับตำนานอย่างเธอได้หรือไม่
อ้างอิง
https://www.vogue.com/article/anna-wintour-vogue-new-head-of-editorial-content
https://www.huffpost.com/entry/anna-wintour-vogue-steps-down
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง
- ปิดตำนาน 37 ปี บรรณาธิการ Vogue ของ ‘Anna Wintour’ หญิงทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่น ผู้พร้อมแหกขนบเดิมๆ กับความตั้งใจที่จะส่งไม้ต่อสู่ บก. คนใหม่ ปั้นโว้กให้ ‘ใหม่’ กว่าเดิม
- “รักตัวเองเวอร์ชั่นใหม่ เริ่มต้นที่ข้อมือ” จะนอน หายใจ ทำงานเครียด ออกกำลังกาย นาฬิกาที่รู้หมด! เป็นเหมือนเพื่อนรักเตือนสติในทุกเมื่อ Garmin VIVOACTIVE 6 ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์พร้อมฟีเจอร์ดูแลสุขภาพล้ำสมัย
- Le Paysan คอลเลกชั่นจากหัวใจของ Jacquemus ที่อบอุ่นไปด้วยความทรงจำวัยเด็กในไร่เมืองโพรวองซ์คำขอบคุณต่ออดีตที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์
ตามบทความก่อนใครได้ที่
- Website : Mirror Thailand.com