ผ่าแผนตั้งรับ”ทักษิณ-พท.” หาก”อิ๊งค์”ติดบ่วงศาลรธน.
สัปดาห์นี้ทุกฝ่ายต่างจับตามองและลุ้นไปกับการประชุม ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ วันอังคารที่ 1 ก.ค. ว่าคำร้องของกลุ่ม 36 สมาชิกวุฒิสภาที่ยื่นถอดถอน “แพทองธาร ชินวัตร” ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากกรณีคลิปเสียงอัปยศ จะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมตุลาการศาล รธน.หรือไม่ และหากเข้า ที่ประชุมจะมีมติ รับคำร้องหรือไม่รับคำร้องไว้วินิจฉัย รวมถึงหากรับคำร้อง ก็ลุ้นกันอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติแขวนหรือสั่งให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นนายกรัฐมนตรีไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยคดีดังกล่าว หรือไม่
ที่คาดว่าหากการประชุมไม่ยืดเยื้อ ไม่เกิน 13.00 น. ก็คงทราบผลการประชุมตุลาการศาล รธน. โดยวันดังกล่าวตรงกับวันประชุมคณะรัฐมนตรีพอดี ทำให้ต้องลุ้นว่าหากศาล รธน.รับคำร้อง แล้วเกิดให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายกฯ อิ๊งค์จะเก็บของออกจากตึกไทยคู่ฟ้าทันหรือไม่
ถึงตอนนี้จับกระแสข่าวต่างๆ ที่ออกมา เทน้ำหนักกันไปในทางเดียวกันว่า คำร้องดังกล่าวมีแนวโน้มน่าจะเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมตุลาการศาล รธน.อังคารนี้ เพราะศาล รธน.คงไม่เสียเวลาให้เจ้าหน้าที่ของศาลไปติดต่อกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อขอให้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากัมพูชามาแปลคำพูดของ ฮุน เซน ไว้ก่อน แล้วค่อยมาพิจารณาในสัปดาห์ถัดไป หรือส่งคลิปเสียงไปให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ตรวจสอบคลิปเสียงดังกล่าวเป็นคลิปเสียงจริงหรือไม่ เพราะตัวนายกฯ แถลงเป็นทางการว่า เป็นคลิปเสียงจริง รวมถึง ฮุน เซน ก็ย้ำคลิปเสียงเป็นของจริง
การตรวจสอบเนื้อหาคำพูดที่เป็นภาษากัมพูชาสามารถทำได้หลังรับคำร้องไว้แล้ว ศาล รธน.จึงแค่ลงมติรับหรือไม่รับคำร้องเท่านั้น
โดยหลายฝ่ายวิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่า ศาล รธน.น่าจะรับคำร้องไว้วินิจฉัย เพราะเป็นการยื่นตามขั้นตอนรัฐธรรมนูญ ที่ สว.สามารถใช้สิทธิ์ดังกล่าวถอดถอนนายกฯ ได้ หากพบว่ามีพฤติการณ์ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม
หากทุกอย่างลงล็อกเดินไปตามนี้ ก็เหลือแค่ลุ้นว่า ศาลรธน.จะสั่งให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ไว้ก่อนหรือไม่ และมติจะเป็นอย่างไร ตุลาการศาล รธน.จะ เสียงแตก หรือไม่ และจะมีมติเท่าใด
ซึ่งมติว่ารับหรือไม่รับคำร้อง กับมติว่าให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ จะมีนัยสำคัญพอสมควร ต่อการวินิจฉัยคดีที่จะตามมา
โดยหากมติออกมา เช่น ให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยมติ 7 ต่อ 2 หรือ 6 ต่อ 3แบบนี้ นายกฯ อิ๊งค์ก็ระทึก มีใจสั่น อาจไม่ได้ไปต่อ กระเด็นหลุดจากนายกฯ ก็ได้ แต่ถ้าเฉียดฉิว 5 ต่อ 4แบบนี้อาจมีพลิกกลับมาชนะได้!
ท่าทีจากฝ่าย กลุ่ม 36สว. ที่เข้าชื่อยื่นคำร้องดังกล่าว แสดงความมั่นใจว่า คำร้องดังกล่าว ศาล รธน.จะรับไว้วินิจฉัยและอาจได้ลุ้นแพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่
“พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา ประธานคณะกรรมาธิการทหารและความมั่นคงแห่งรัฐ วุฒิสภา แกนนำหลักของกลุ่ม 36 สว.ยื่นคำร้องถึงศาลรัฐธรรมนูญ” แสดงความเชื่อมั่นว่า
“ประชุมศาลรัฐธรรมนูญอังคารนี้มั่นใจว่า ศาลน่าจะรับคำร้องของ สว.ไว้พิจารณา แต่ต้องดูว่าจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่อย่างไรหรือไม่”
สอดรับกับ ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล สว.-ที่เป็น 1 ใน 36 สว.ที่ลงชื่อยื่นคำร้อง มองว่า บทสนทนาของนายกฯ กับฮุน เซน มีน้ำหนักเพียงพอที่หากว่า ปล่อยให้นายกฯ แพทองธารทำหน้าที่ต่อไปจะสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น เพราะเกี่ยวกับเรื่องเขตแดน การสูญเสียอธิปไตย
“สว.เรามองว่ามีน้ำหนักพอให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนได้”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ “ทักษิณ ชินวัตร และแกนนำพรรคเพื่อไทย” ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น หากศาล รธน.รับคำร้องและอาจสั่งให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ด้วยการวางแผน-ออกแบบค่ายกลศึกการเมืองไว้รับมือการไต่สวนของศาล รธน.
จับจังหวะการขยับของฝ่ายทักษิณ-เพื่อไทย พบว่า เริ่มวางแผนรับมือไว้แล้ว เช่น กระแสข่าว โผ ครม.แพทองธาร 2 ที่จะให้ อิ๊งค์เป็นนายกฯ ควบ รมว.วัฒนธรรม มองได้ว่าเป็นแผนการที่วางไว้ กรณีถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นนายกฯ แต่ก็ยังเป็นรัฐมนตรี ก.วัฒนธรรม ยังไม่ขาลอย ยังมีตำแหน่งใน ครม. เป็นการวางแผนแก้เกมของทักษิณ-เพื่อไทย ให้เหมือนกับกรณี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกร้องคดีเป็นนายกฯ เกิน 8 ปี แล้วศาล รธน.สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่การเป็นนายกฯ แต่ตอนนั้นบิ๊กตู่เป็นนายกฯ ควบ รมว.กลาโหม ทำให้บิ๊กตู่ไม่ขาลอย
อย่างไรก็ตามจะพบว่า พลเอกประยุทธ์ไม่ได้เข้าประชุม ครม.เลย ในช่วงหยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ไปปฏิบัติราชการที่ ก.กลาโหมแทน เพราะตอนนั้นกลาโหม มีพลเอกชัยชาญ ช้างมงคล เป็น รมช.กลาโหมอยู่ ที่สามารถรันงานของกลาโหมใน ครม.ได้
ก็คงเป็นเรื่องแปลกไม่ใช่น้อย หากเกิดแพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่เป็น รมว.วัฒนธรรม แล้วจะเข้าประชุม ครม.โดยไปนั่งตรงเก้าอี้ รมว.วัฒนธรรม คงทำให้รัฐมนตรีคนอื่นกระอักกระอ่วนใจพอควร
อีกทั้งเริ่มเห็นแน่ชัดว่า ทักษิณไม่ยอมให้เก้าอี้นายกฯ ไปอยู่กับพรรคอื่น ยังไงหากแพทองธารไม่รอด ตำแหน่งนายกฯ ยังต้องเป็นคนของเพื่อไทย ทำให้ตอนนี้เริ่มขยับส่งซิกให้ “ชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม-อดีตอัยการสูงสุด” ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของเพื่อไทยคนที่ 3 สแตนบายด์ไว้แล้ว หากแพทองธารไม่รอด
นอกจากนี้พบว่า เพื่อไทยเริ่ม เปิดไพ่-เปิดแผนสู้คดี ออกมาให้เห็นบ้างแล้ว เช่น หากศาล รธน.รับคำร้อง ก็จะใช้ข้อต่อสู้ว่า เทปเสียงดังกล่าวเป็นการอัดเสียงโดยแพทองธารไม่รู้ตัว ไม่ยินยอม ผิดหลักการทูตระหว่างประเทศ ถือเป็นพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาล รธน.จึงไม่อาจรับฟังไว้ไต่สวนได้ รวมถึงอาจอ้างว่าที่ผ่านมา ศาล รธน.ไม่เคยใช้คลิปเสียงเป็น พยานหลักฐานหลักในการไต่สวนคดี หากใช้ในคดีนี้จะสร้างบรรทัดฐานต่อไปในอนาคตว่า ศาล รธน.เอาคลิปเสียงที่อัดโดยไม่ชอบมาไต่สวนได้
จุดนี้จากการตรวจสอบพบว่า ก่อนหน้านี้ศาล รธน.เคยนำวิดีโอ คลิปเสียง ภาพถ่ายมาพิจารณาไต่สวนคดีอยู่บ้าง เช่น คดียุบพรรคไทยรักไทย ในปี 2550 กรณีจ้างวานพรรคเล็กส่งคนลงเลือกตั้ง เมื่อ 2 เม.ย.2549 ที่มีการส่งมอบวิดีโอ เทปเสียงและภาพถ่าย การไปรับเงินที่กระทรวงกลาโหม และการอัดวิดีโอ การรับสารภาพของพยานในคดีว่ามีการรับเงิน ซึ่งอัดวิดีโอกันที่พรรคประชาธิปัตย์ ที่ศาล รธน.ยุคนั้นนำมาพิจารณาประกอบการยุบพรรคไทยรักไทย
หากเพื่อไทยจะใช้ประเด็นนี้มาเป็นข้อต่อสู้ ต้องดูว่าศาล รธน.ยุคปัจจุบันจะวางหลักไต่สวนอย่างไร
รวมถึงการเตรียมทีมทนายความที่จะมารับผิดชอบคดี พบว่าเริ่มมีหลายชื่อที่อาจถูกดึงตัวเข้ามาช่วยทั้งหน้าฉากและหลังฉาก เช่น นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความประจำตระกูลชินวัตร โดยเฉพาะยิ่งลักษณ์ที่ในยุครัฐบาลเพื่อไทยได้ดิบได้ดี ถูกดันให้ไปนั่งเป็นบอร์ด ธ.ก.ส.และบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย 2 รัฐวิสาหกิจใหญ่ หลังก่อนหน้านี้เป็นทนายว่าความให้ยิ่งลักษณ์ชนะคดีที่ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอาผิดต่อศาลฎีกาฯ กรณีย้ายถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการ สมช. รวมถึงคดียิ่งลักษณ์ถูกฟ้องให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในโครงการรับจำนำข้าวหลายหมื่นล้านบาท ที่ชนะคดีในศาลปกครองกลาง แต่ไปแพ้คดีที่ศาลปกครองสูงสุด
ส่วนว่า แผนรับมือของทักษิณ-เพื่อไทย เพื่อให้อิ๊งค์รอด-ชนะคดี จะได้ใช้หรือไม่ รอลุ้น 1 ก.ค.กับผลประชุมตุลาการศาล รธน.