รีวิวกองทุน SCBEV(A) จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรม EV เมื่อจีนจบยุคสงครามราคา

โอกาสการลงทุน Thematic กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle & Future Mobility) เมกะเทรนด์ของโลก ผ่านกองทุนแนะนำ SCBEV(A) เน้นลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ EV ทั้งผู้ผลิตรถ แบตเตอรี่ สถานีชาร์จ และแร่วัตถุดิบ

สนใจกองทุน SCBEV(A) ลงทุนได้เลยที่ Finnomena

ว่ากันว่าอุตสาหกรรม EV กำลังอยู่ในอีกหนึ่งช่วงเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญ เริ่มต้นจากเมกะเทรนด์ที่เติบโตเป็นกระแสหลักของโลก สู่สมรภูมิที่แข่งขันรุนแรงแบบเอาเป็นเอาตายไปข้าง และดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังเข้าสู่ช่วงของการคัดกรองผู้ชนะ สิ้นสุดยุคสงครามราคา เปลี่ยนผ่านสู่ยุคเติบโตอย่างยั่งยืน

Anti-Involution ต้านการแข่งขันแบบไร้จุดหมาย

Anti-Involution คือ กระแสแนวคิดรุ่นใหม่ที่หันมาต่อต้านการแข่งขันรุนแรงจนเกินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งสร้างความกดดันในสังคม และไม่ได้ก่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน แนวคิดนี้ถูกพูดถึงเป็นวงกว้างในสังคมจีน ทั้งในบริบทของการใช้ชีวิต การศึกษา เศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน

จนล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศนโยบาย Anti-Involution เพื่อเร่งเครื่องฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมเน้นย้ำว่าต้องหยุดการแข่งขันที่ไร้จุดหมายและทำลายตัวเอง ประกอบไปด้วย

• ต่อต้านการทำสงครามราคา (Price Wars)
• ลดการผลิตที่มากเกินความจำเป็น (Overcapacity)
• สนับสนุนการควบควมกิจการ (Consolidation)

นี่ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของรัฐบาลจีนในการประชุมโปลิตบูโร (Politburo) ประจำปี 2025 โดยให้คำมั่นสัญญาว่าจะจัดการปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลัก ๆ อย่าง New Energy Vehicle (NEV)

จบยุคสงครามราคา EV

ก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เผชิญหน้ากับสงครามราคาที่ดุเดือด ส่งผลให้ค่ายรถต่างประสบปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ซึ่งจุดเริ่มต้นก็มาจาก EV สัญชาติจีนที่ใช้กลยุทธ์ Price War ที่รุนแรง นำโดย BYD ที่หั่นราคารถยนต์รุ่น Seagull mini hatchback จาก 72,000 หยวน (ราว 325,000 บาท) เหลือเพียงราว 55,000 หยวน (ราว 248,000 บาท) เท่านั้น

ส่งผลให้แบรนด์ค่ายรถอื่น ๆ ต้องลดราคาตามเพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ตลอดจนมีบางค่ายรถยนต์ที่รับกับภาวะขาดทุนไม่ไหว จนต้องยอมแพ้ต่อตลาดนี้ไป เช่น NETA Auto ที่ยื่นล้มละลายแล้วในจีน

แต่การมาของแนวคิด Anti‑Involution จะเป็นเชิงบวกต่อ Supply Chain ของอุตสาหกรรม EV โดยเฉพาะหุ้นจีน หลังรัฐบาลกำลังพยายามแก้ปัญหานี้ ด้วยการส่งหนังสือเตือนค่ายรถหลายแห่งให้หยุดลดราคาจนทำลายตลาด เพื่อสร้างอุตสาหกรรมที่เติบโตยั่งยืน

แนะนำกองทุน SCBEV(A) โตไปกับเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าเชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้าเป็น Thematic ที่กลับมาน่าสนใจอีกครั้ง และอยากลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ EV Supply Chain วันนี้Finnomena Funds อยากแนะนำกองทุน SCBEV(A) จากบลจ. ไทยพาณิชย์

SCBEV(A) หรือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Electric Vehicles and Future Mobility (ชนิดสะสมมูลค่า) มีนโยบายการลงทุนในหน่วยลงทุนกองทุน Kranes Share Electric vehicle & Future Mobility (ETF) (กองทุนหลัก) ซึ่งเน้นหุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าหรือส่วนประกอบ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงอนาคตของการเดินทางและการขนส่ง โดยกองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามดัชนีชี้วัด Bloomberg Electric Vehicle Index

หุ้นเกี่ยวข้องกับธีม EV ที่กองทุนมองหา

Source: KraneShares as of 30/6/2025

KARS ETF กองทุนหลักของ SCBEV(A) กระจายการลงทุนครอบคลุมห่วงโซ่ EV ทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

• ต้นน้ำ (Raw Materials) บริษัทที่ผลิตลิเธียมและแร่หายาก (Rare Earth) เช่น MP Materials, Albemarle, Lithium Americas
• กลางน้ำ (Charging Infrastructure) ผู้ให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า แบตเตอรี่ และระบบเชื่อมต่อภายในรถ เช่น ChargePoint, Qingdao TGOOD, CATL, Panasonic, Plus Power,
  
• Infineon Technologie, Aptiv
• ปลายน้ำ (EV Producer) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำทั่วโลก เช่น Tesla, NIO, BYD, Li Auto, XPeng, Fordหุ้น EV ในกองทุน SCBEV(A) เป็นหุ้นจีนกว่าครึ่งพอร์ต

Source: KraneShares as of 30/6/2025

สำหรับหน้าตาของหุ้นในพอร์ตกองทุนหลัก เราจะเห็นว่าประกอบด้วยหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ Consumer Discretionary, Materials, Industrials และ Information Technology แต่จุดที่น่าสนใจคือมีการลงทุนในหุ้นจีนคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของทั้งหมด สอดคล้องกับแนวโน้มการเติบโตของอุตสาหกรรม EV จีนที่ขึ้นมาเป็นเจ้าตลาดเต็มตัว

Source: KraneShares, IEA as of 30/6/2025

รายงานจาก KraneShares คาดว่ามูลค่าตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะแตะระดับ 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2027 เพิ่มขึ้นจาก 436,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2022 อีกทั้งระบบช่วยขับขี่ขั้นสูง (Advanced Driver-Assistance Systems) และระบบขับขี่อัตโนมัติในรถยนต์โดยสาร จะเป็นตัวแปรสำคัญที่สร้างรายได้ในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยคาดจะเพิ่มมูลค่ากว่า 300,000 – 400,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2035

สรุปแล้ว SCBEV(A) เป็นกองทุนสาย Thematic Fund เหมาะสำหรับผู้ที่มองเห็นโอกาสสร้างการเติบโตผ่านธีม EV & Future Mobility ซึ่งได้ประโยชน์จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป การสนับสนุนเชิงนโยบายของภาครัฐ พร้อมด้วยกระแส Anti-Involution ในจีน เป็นลมหนุนให้หุ้น EV ที่เคยเป็นขาลง พลิกฟื้นคืนอีกครั้ง

สนใจกองทุน SCBEV(A) ลงทุนได้เลยที่ Finnomena

อ้างอิง: KraneShares, Bloomberg, SCBAM

คำเตือน: ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน | ผลการดำเนินงานในอดีต และผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต | ผู้ลงทุนอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากการป้องกันความเสี่ยงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้จัดการกองทุน | กองทุนรวมนี้ลงทุนกระจุกตัวในผู้ออกตราสารหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก ผู้ลงทุนจึงควรพิจารณาการกระจายความเสี่ยงของ พอร์ตการลงทุนโดยรวมของตนเองด้วย | คำแนะนำการลงทุนนี้เป็นไปตามกรอบการพิจารณาของ Finnomena Funds ซึ่งมีเป้าหมายในการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะเวลาตามแต่ละประเภทของพอร์ตเท่านั้น บริษัทมิได้การันตีถึงผลตอบแทนที่จะได้จากคำแนะนำการลงทุนดังกล่าว มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจไม่เป็นไปตามคาดหวัง หรือมีผลขาดทุนได้ | สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือขอรับหนังสือชี้ชวนได้ที่บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด ในช่วงเวลาวันทำการตั้งแต่ 09:00-17:00 น. ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 026 5100 และทาง LINE @FINNOMENAPORT | สำหรับผู้ลงทุนในความดูแลของ Kept by krungsri ติดต่อทีม Kept help center ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 296 6299