‘บิ๊กป้อม’ สวมหมวก ‘อดีตผู้บัญชาการทหารบก’
นำทีมอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ทั้งอดีต ผบ.สส. อดีต ผบ.ทบ. และอดีตแม่ทัพทั้ง 4 ภาค ลงพื้นที่ให้กำลังใจทหารรุ่นน้องที่กองกำลังสุรนารี รับฟังสถานการณ์พร้อมชี้แนะ ข้อเสนอรับมือสงครามโดรน พร้อมให้กำลังใจชาวบ้านในศูนย์อพยพที่จังหวัดสุรินทร์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก เดินทางไปยังกองกำลังสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ พร้อมคณะอดีตนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ประกอบด้วย พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร อดีต ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.โสภณ ศีลพิพัฒน์ อดีตเสนาธิการทหารบก พล.อ.อมรฤทธิ์ แพทย์เจริญ อดีตหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ.วลิต โรจนะภักดี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 พล.อ.เทพพงศ์ ทิพย์จันทร์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารบก พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.กฤษณโยธิน ศศิพัฒน์วงษ์ อดีตฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่ได้มาในฐานะนักการเมือง และไม่ได้มาในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่มาในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะอดีตนายทหารที่ห่วงใยสถานการณ์เกิดขึ้นบริเวณแนวชายแดนไทย - กัมพูชา และมาเพื่อให้กำลังใจทหารรุ่นน้องทุกๆนายที่เสียสละเพื่อปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ รวมถึงเพื่อรับฟังสถานการณ์ พร้อมใช้ประสบการณ์ของอดีตผู้บังคับบัญชาทุกคนที่ร่วมคณะมาในวันนี้ เสนอแนวทางการปฏิบัติที่เป็นประโชน์ให้กับนายทหารรุ่นน้อง
หลังรับฟังสถานการณ์โดยมี พ.อ.จิรัฎฐ์ ช่วงฉ่ำ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 บรรยายสรุป พล.อ.ประวิตรได้ให้ข้อแนะนำการรับมือกับ และแนวทางปฏิบัติกรณีฝ่ายกัมพูชานำอากาศยานไร้คนขับหรือ โดรนมาใช้ปฏิบัติการโจมตีฐานปฏิบัติการในพื้นที่ และเริ่มตรวจพบโดรนต้องสงสัยขึ้นบินสอดแนมรอบหน่วยทหารสำคัญในพื้นที่ส่วนหลัง โดยมอบให้พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ อดีตเจ้ากรมสื่อสารทหารบก ร่วมเสนอแนวทางการตอบโต้ และระบบแอนตี้โดรนที่มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบโต้โดรนของฝ่ายกัมพูชาที่ขึ้นบินปฏิบัติการได้ในทุกย่านความถี่ และให้ประสานงานกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสีย กิจการโทรทัศน์ และกิจการทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เพื่อลดขั้นตอนการปฏิบัติ กรณีขออนุญาตใช้ย่านความถี่ที่ต้องการเร่งด่วน
หลังจากนั้น พล.อ.ประวิตร และคณะได้มอบสิ่งของและเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็นให้กับกองกำลังสุรนารี เพื่อส่งมอบให้กำลังพลที่ปฏิบัติการในแนวหน้า และส่งมอบกำลังให้ ความห่วงใยไปยังกำลังพลทุกนายให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง และอวยพรให้ปลอดภัยในทุกภารกิจ
ก่อนเดินทางไปเยี่ยมชาวบ้านในศูนย์อพยพอีกสองแห่งในพื้นที่อีกสองแห่งในอำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้กำลังใจและมอบเครื่องอุปโภค บริโภคที่จำเป็นให้กับเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ เพื่อมอบให้กับชาวบ้านที่ยังคงต้องอาศัยอยู่ในศูนย์อพยพทั้งสองแห่ง จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ โดยให้กำลังใจชาวบ้าน พร้อมเชื่อว่า อีกไม่เกิน 2-3 วัน ก็เชื่อว่า ทุกคนจะได้กลับไปใชชีวิตตามปกติที่ภูมิลำเนาของทุกคน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลอย่างไรบ้างต่อสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชาที่เกิดขึ้น โดยให้คำตอบสั้นๆ แต่เพียงว่า คงตอบไม่ได้ เพราะไม่ได้เป็นรัฐบาล มาวันนี้ในฐานะอดีตผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะอดีตนายทหาร เรื่องโต้ตอบกัมพูชาเป็นเรื่องของรัฐบาล ให้ความเห็นได้เพียงว่า หากรัฐบาลเข้มแข็ง รัฐบาลไม่อ่อนแอ เรื่องทั้งหมดก็จะไม่เกิดขึ้น การที่กัมพูชากล้าปฏิบัติต่อไทยเช่นนี้ ก็เพราะรัฐบาลอ่อนแอ ประชาชนเดือดร้อนต้องมีผู้รับผิดชอบเร่งด่วน“
ส่วนสาเหตุของความขัดแย้งนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ให้สื่อมวลชนไปถามคุณทักษิณ ชินวัตร และสมเด็จฮุน เซน ว่า เกิดอะไรขึ้น มีผลประโยชน์ขัดแย้งกันหรือไม่ ถึงได้ทำให้เกิดการปะทะกันตามแนวชายแดน จนสร้างความเสียหายให้กับชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน พร้อมยืนยันว่า เรื่องนี้จะต้องมีผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความสูญเสียครั้งนี้