กรุงศรี เปิดกำไรครึ่งแรกปีนี้ ทำได้ 15.83 พันล้านบาท
นายเคนอิจิ ยามาโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2568 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 15.83 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 0.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือจำนวน 77 ล้านบาท จากครึ่งแรกของปี 2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และการลดลงของค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงาน สุทธิบางส่วนกับการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการลดลงของเงินให้สินเชื่อ
เงินให้สินเชื่อรวม ลดลง 1.6% หรือจำนวน 29,831 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2567 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากนโยบายที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างมีคุณภาพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย ส่งผลให้เงินให้สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เติบโตในระดับปานกลางที่ 2.8% ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมรวมทั้งสินเชื่อเพื่อรายย่อยปรับลดลงที่ 4.0% และ 3.9% ตามลำดับ สะท้อนนโยบายการพิจารณาสินเชื่อที่เข้มงวดขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจและความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
เงินรับฝาก ลดลง 1.1% หรือจำนวน 19,782 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธันวาคม 2567 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการลดลงของเงินรับฝากประจำ สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารต้นทุนทางการเงิน
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 4.14% เมื่อเทียบกับ 4.31% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนหลักมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและการลดลงของเงินให้สินเชื่อ สุทธิบางส่วนกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับตัวลดลง
รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 6.0% หรือจำนวน 1,334 ล้านบาท จากช่วงครึ่งแรกของปี 2567
ส่วนใหญ่เกิดจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน หนี้สูญรับคืน รายได้จากการดำเนินการอื่นที่มาจากกำไรจากทรัพย์สินรอการขาย และรายได้จากเงินปันผล สุทธิด้วยการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ
อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้ อยู่ที่ 44.7% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยกรุงศรียังคงดำเนินนโยบายบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมเสริมความแข็งแกร่งของความสามารถในการสร้างรายได้
อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่ 3.39% ขณะที่อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อรวมในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 อยู่ที่ 217 เบสิสพอยท์ และอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 122.8%
อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (ของธนาคาร) อยู่ที่ 19.57% เทียบกับ 19.38%
ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2567