S&P 500 ย่อตัว ดาวโจนส์ลดลง 200 จุด เจรจาการค้าจีน-สหรัฐไม่คืบหน้า
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะการซื้อขายตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันอังคาร (29 ก.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ดัชนี S&P 500
ปิดตลาดในวันอังคารปรับตัวลดลง เนื่องจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับปักกิ่งยังคงชะงักงัน และนักลงทุนต่างเตรียมพร้อมสำหรับการตัดสินใจในเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมลดลง 0.30% ปิดที่ 6,370.86 จุด ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ลดลง 0.38% ปิดที่ 21,098.29 จุด ดัชนีทั้งสองแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกครั้งในช่วงเช้าของวัน
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ลดลง 204.57 จุด หรือ 0.46% ปิดที่ 44,632.99 จุด
โดยแรงขายเริ่มรุนแรงขึ้นในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการซื้อขาย จนทำให้ดัชนี S&P 500 ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบวัน
นักลงทุนลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลงบ้าง หลังจากที่หุ้นฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจากจุดต่ำสุดในเดือนเมษายน โดยได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป การเจรจากับจีนยังไม่แน่นอนนัก โดยคณะเจรจาของสหรัฐฯ ได้ยุติการเจรจากับคณะเจรจาของปักกิ่งในวันอังคาร ขณะที่ความเป็นไปได้ที่จะขยายระยะเวลาการระงับภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่สูงขึ้นออกไปนั้นยังไม่แน่นอน คณะเจรจายังกล่าวอีกว่า การผ่อนคลายดังกล่าวจะยังไม่ได้ข้อสรุปจนกว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะลงนาม
เมื่อวันอังคาร นักลงทุนต่างประเมินผลประกอบการที่ออกมาแบบผสมผสาน หุ้นของโบอิ้งร่วงลงมากกว่า 4% แม้จะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง บริษัทมียอดส่งมอบเครื่องบินมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2018 ส่วนพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ปิดตลาดวันนี้ลดลงเล็กน้อย แม้จะมีการคาดการณ์รายได้ทั้งปีที่ดีกว่าที่คาดไว้ และมีบุคคลภายในดำรงตำแหน่งซีอีโอ
ด้านผลประกอบการของบริษัทอื่นๆ ยังไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาด โดยบริษัท UPS ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ด้านการขนส่งและเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจผู้บริโภค รายงานผลประกอบการขาดทุนและไม่ได้ออกรายงานแนวโน้มรายได้ ผลประกอบการของ Whirlpool ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในไตรมาสที่สองและปรับลดเงินปันผลลง
ราคาหุ้น UPS ร่วงลงมากกว่า 10% ขณะที่Whirlpool ร่วงแรง 13%
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สำคัญสำหรับผลประกอบการของบริษัท โดยกลุ่มบริษัทเจ็ดนางฟ้า “Magnificent Seven” ได้แก่ Meta Platforms, Microsoft, Apple และ Amazon ต่างเตรียมรายงานผลประกอบการในวันพุธและพฤหัสบดี
ณ ขณะนี้ มีบริษัทในดัชนี S&P 500 จำนวน 199 บริษัทที่รายงานผลประกอบการรายไตรมาสแล้ว และเกือบ 82% มีกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ตามข้อมูลของ FactSet
คาดเฟดคงดอกเบี้ย
การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพุธก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเช่นกัน คาดว่าเฟด จะคงอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงไว้ที่ระดับ 4.25- 4.5%
“ตลาดมีการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งและขณะนี้อยู่ในภาวะชะลอลง ตัวชี้วัดทางเทคนิคบางตัวบ่งชี้ว่าอาจมีการย่อตัวลงอีก” เจย์ วูดส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกของ Freedom Capital Markets กล่าว “นี่คือการหยุดพักชั่วคราว เป็นช่วงเวลาที่จะมุ่งเน้นไปที่หุ้นรายตัวที่ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการ ขณะที่ตลาดโดยรวมกำลังจับตามองพัฒนาการของเฟด”
“หวังว่าเราจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังการแถลงข่าววันพุธ” เขากล่าวเสริม
นักลงทุนจะวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการในสัปดาห์นี้ รวมถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชนที่จะประกาศในวันพุธ วอลล์สตรีทจะปิดท้ายสัปดาห์ที่เต็มไปด้วยข้อมูลสำคัญนี้ด้วยรายงานการจ้างงานสำคัญประจำเดือนกรกฎาคมในวันศุกร์