เปิดสาระ "วันสารทไทย" ประเพณีที่เปี่ยมด้วยความกตัญญูและการให้
เปิดสาระ "วันสารทไทย" สำหรับ วันสารทไทย หรือประเพณีสารทเดือนสิบ ตรงกับ วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 ซึ่งในปี พ.ศ. 2568 นี้ ตรงกับ วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2568
ข้อควรรู้เพิ่มเติม: วันสารทไทยไม่ใช่วันเดียวกับวันสารทจีน ซึ่งวันสารทจีนในปีนี้จะตรงกับวันเสาร์ที่ 6 กันยายน 2568
"วันสารทไทย" หรือ "ประเพณีทำบุญวันสารท" เป็นหนึ่งในเทศกาลสำคัญที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานในสังคมไทย ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี (ประมาณเดือนกันยายน) แม้ชื่อจะคล้ายกับเทศกาลของชาวจีน แต่ประเพณีสารทไทยมีที่มาและความเชื่อที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่ออุทิศส่วนบุญให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ และเป็นการแสดงความขอบคุณต่อพืชผลทางการเกษตร
ที่มาและความสำคัญ
วันสารทไทยมีรากฐานมาจากความเชื่อทางพุทธศาสนาเรื่องการทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ญาติผู้ล่วงลับ โดยเฉพาะในเรื่อง "เปรต" หรือวิญญาณที่อดอยาก ซึ่งเชื่อว่าในวันสารทจะเป็นวันที่เปรตจะได้รับการปลดปล่อยให้มารับส่วนบุญจากญาติพี่น้องได้
นอกจากนี้ยังเป็นประเพณีที่ผูกพันกับวิถีชีวิตเกษตรกรรม เพราะตรงกับช่วงที่ข้าวในนากำลังเริ่มออกรวง จึงมีการนำผลผลิตแรกเก็บเกี่ยวมาทำเป็นขนมและอาหารเพื่อถวายพระสงฆ์ และยังเป็นการแสดงความขอบคุณต่อพระแม่โพสพที่ให้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์
ธรรมเนียมและพิธีสำคัญที่ควรรู้
1. การทำบุญตักบาตรด้วย "ข้าวมธุปายาส" หัวใจสำคัญของประเพณีนี้คือการทำบุญตักบาตรด้วย "ข้าวมธุปายาส"หรือที่รู้จักในชื่อ "ข้าวทิพย์" ซึ่งเป็นของหวานที่ทำจากน้ำนมผสมกับข้าว และธัญพืชต่างๆ เชื่อกันว่าหากได้ทำบุญด้วยขนมชนิดนี้จะได้รับอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ และยังเป็นการสืบทอดธรรมเนียมที่กล่าวถึงในพุทธประวัติ
2. การทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศล หลังจากทำบุญตักบาตรแล้ว ชาวบ้านจะร่วมกันกรวดน้ำและอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษ ญาติผู้ล่วงลับ รวมถึงสัมภเวสีและวิญญาณไร้ญาติ เพื่อให้ได้รับส่วนบุญและได้ไปสู่สุคติ
3. การรวมญาติและสืบสานประเพณี วันสารทไทยยังเป็นโอกาสดีที่ลูกหลานจะมารวมตัวกันเพื่อแสดงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ เป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัวและส่งต่อความสำคัญของประเพณีดีงามนี้จากรุ่นสู่รุ่น
แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่ความหมายที่แท้จริงของวันสารทไทยยังคงอยู่ นั่นคือการแสดงออกซึ่งความกตัญญูต่อบรรพชน และการให้ทานแก่ผู้ที่ขาดแคลน ซึ่งเป็นสิ่งดีงามที่ควรค่าแก่การรักษาไว้