ธนาคารอินเดีย จ่อตรวจสอบเข้มก่อนอนุมัติสินเชื่อผู้ส่งออก หวั่นสงครามการค้าทำหนี้เสียซ้ำรอย
ธนาคารอินเดีย จ่อตรวจสอบเข้มก่อนอนุมัติสินเชื่อผู้ส่งออก หวั่นสงครามการค้าทำหนี้เสียซ้ำรอย
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -11 ส.ค. 68 17:18 น.
แหล่งข่าววงในจากธนาคารรายใหญ่ 5 รายของอินเดีย เผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า กำลังเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบการยื่นขอสินเชื่อใหม่จากผู้ส่งออก โดยมีการสอบถามถึงการพึ่งพาตลาดอเมริกาและแผนฉุกเฉินเพื่อรับมือกับมาตรการภาษีสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีเป็น 50% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ธนาคารต่าง ๆ กำลังประเมินผลกระทบทางการเงินจากมาตรการดังกล่าว โดยเฉพาะลูกค้าในอุตสาหกรรมสิ่งทอ, อัญมณี และเครื่องประดับ ซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก และมีการตั้งคำถามที่เจาะจงมากขึ้นประกอบการพิจารณาการยื่นขอเงินทุนเพื่อการส่งออกหรือต่ออายุการขอสินเชื่อ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากอินเดียไปยังสหรัฐฯ จาก 25% เป็น 50% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 ส.ค. นี้ ซึ่งสร้างความกังวลต่อผู้ประกอบการว่า มาตรการดังกล่าวจะทำให้สินค้าอินเดียมีราคาสูงเกินไป และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานสูง และได้เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียออกมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากกำแพงภาษีรอบใหม่
สถานการณ์สงครามการค้าล่าสุดทำให้ธนาคารในอินเดียกังวลว่า จะสร้างแรงกดดันใหม่ต่อสถานะทางการเงินของภาคธุรกิจและอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้เสียที่เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้น ธนาคารบางแห่งได้เริ่มคัดกรองลูกค้ากลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสุดแล้ว และมีการตรวจสอบจากเกณฑ์ชี้วัดทางการเงินต่าง ๆ อาทิ สัดส่วนรายได้จากสหรัฐฯ ซึ่งในขณะนี้ ความเสี่ยงจากลูกค้ากลุ่มนี้ยังถือว่า อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่น่ากังวลมากนัก
ผู้ส่งออกส่วนใหญ่ยังคงหวังว่า สหรัฐฯ จะผ่อนปรนภาษีบางส่วน ขณะเดียวกันก็เริ่มปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับมาตรการภาษีที่อาจคาดไม่ถึง โดยมีการขยายตลาดไปยังประเทศอื่น ย้ายฐานการผลิตจากอินเดีย รวมถึงพิจารณาการเข้าซื้อกิจการในสหรัฐฯ
แม้ว่าผู้ส่งออกบางรายที่มีกระแสเงินสดในมือสูง จะสามารถทนขาดทุนได้ 1-2 ปี แต่ก็กังวลถึงผลกระทบในระยะยาว ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่งในบังกลาเทศและปากีสถาน ซึ่งมีอัตราภาษีที่ต่ำกว่าอินเดีย
ที่มา Bloomberg
รายงาน โดย Supak Hopuengju เรียบเรียง โดย Supak Hopuengju
อีเมล์. supak@efinancethai.com
ดูข่าวต้นฉบับ