‘ไอติม’ ชงตัดงบก่อสร้างอาคารสำนักงาน ศธ.15 จ.เปลี่ยนเป็นให้เช่าเเทน
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 15 ส.ค. 68 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระ 2 ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 เริ่มที่มาตรา 24 งบประมาณกระทรวงศึกษาธิการ
โดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย อภิปรายขอให้กระทรวงศึกษาธิการปรับลดงบประมาณก่อสร้างอาคารศึกษาธิการ 15 จังหวัด มูลค่ารวม 375 ล้านบาท ขอให้เปลี่ยนจากวิธีการก่อสร้างอาคารใหม่มาเป็นวิธีการเช่าสถานที่ใหม่หรือวิธีการอื่น ซึ่งตนและ กมธ. เห็นตรงกันว่าสถานที่ทำงานของศึกษาธิการจังหวัดใน 15 จังหวัดนี้ ณ ปัจจุบันมีปัญหาจริง และมีความจำเป็นจริงที่ต้องหาสถานที่ทำงานใหม่ที่ปลอดภัยและสะดวก
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ยังไม่มีความจำเป็นต้องสร้างอาคารใหม่ ด้วยเหตุผลคือ เรื่องความคุ้มค่าของงบประมาณ หากศึกษาธิการจังหวัดเป็นหน่วยงานที่ต้องทำงานรูปแบบต่อไปอีก 100 ปี ทางเลือกในการสร้างอาคารใหม่ก็พอจะรับได้ แต่ข้อเท็จจริงที่รับรู้กัน ในร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ ที่แทบจะทุกพรรคการเมืองเสนอเข้ามา และคาดว่าจะถูกพิจารณาในสภาเร็วๆ นี้ แทบทุกฉบับมีการพูดถึงเรื่องการทบทวนโครงสร้างและบทบาทหน้าที่ของศึกษาธิการจังหวัด ภายใต้สำนักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นโครงสร้างใหม่ ที่ถูกเติมเข้ามาในสมัย คสช. มาถึงวันนี้ก็ถูกตั้งคำถามโดยหลายภาคส่วนว่าอาจจะมีการทับซ้อน หรืออย่างน้อยก็ไม่สามารถบูรณาการได้ดีเท่าที่ควรกับโครงสร้างเขตพื้นที่การศึกษาภายใต้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
นายพริษฐ์ กล่าวว่า แม้วันนี้สภาไม่ต้องมาถกกันว่าโครงสร้างศึกษาธิการจังหวัดควรจะเป็นรูปแบบใด แต่ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าจะมี พ.ร.บ.การศึกษาฉบับใหม่ และเราไม่รู้ว่าเนื้อหาจะกำหนดให้ศึกษาธิการจังหวัดกับเขตพื้นที่ ยังแยกกันทำงานแบบนี้ต่อหรือไม่ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุนสร้างอาคารใหม่ถึง 15 อาคาร ดังนั้นควรดูความเป็นไปได้ในการใช้พื้นที่ร่วมกันภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ หรือสถานที่ของส่วนราชการนอกกระทรวงศึกษาฯ และการหาสถานที่ใหม่ในการเช่า เพราะ 1 อาคารมีการตั้งงบประมาณไว้เฉลี่ยอาคารละ 25 ล้านบาท หากเราหาสถานที่ใหม่ในการเช่าเดือนค่าเช่าที่ 5 หมื่นบาทต่อเดือน ดังนั้น 25 ล้านบาท สามารถเช่าได้ 40 กว่าปี หรือหากสถานที่เช่าใหม่ค่าเช่า 1 แสนบาทต่อเดือน 25 ล้านบาทนี้ ก็ทำให้เราสามารถเช่าสถานที่ได้กว่า 20 ปี
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ยังมีเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ หากสถานที่ทำงานปัจจุบันมีความทรุดโทรมถึงขั้นที่ว่าไม่มีความปลอดภัยในการทำงานต่อ การจะแก้ปัญหานี้ด้วยการก่อสร้างอาคารใหม่ก็ดูจะเป็นวิธีที่ค่อนข้างจะประหลาดและไม่เท่าทันต่อสถานการณ์ เพราะหากของบมาใช้ในการก่อสร้างอาคารใหม่ ก็ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสร้างเสร็จ แต่ในทางกลับกันหากเราของบประมาณมาหาสถานที่ใหม่เพื่อเช่า ก็สามารถย้ายเข้าทำงานได้ทันที ดังนั้นหากเราให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่จริงๆ การใช้วิธีการเปลี่ยนงบประมาณ ปี 69 ที่เป็นงบก่อสร้างมาเป็นงบในการเช่าสถานที่ใหม่แทนก็น่าจะตอบโจทย์ที่สุด หรือแม้ในกรณีแย่ที่สุด ไม่สามารถแปลงงบ 69 ซึ่งเป็นงบก่อสร้างมาเป็นงบในการเช่าสถานที่ใหม่ได้เพราะติดระเบียบ ดังนั้นการใช้งบปี 70 มาเช่าสถานที่ใหม่ น่าจะทำให้เจ้าหน้าที่ย้ายเข้าไปในสถานที่ใหม่ได้เร็วกว่าการใช้งบ 69 มาก่อสร้างอาคารใหม่ด้วยซ้ำ
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เมื่อย้อนดูในบรรดา 8 จังหวัดที่เคยได้งบก่อสร้างศึกษาธิการเมื่อปี 68 สำรวจเบื้องต้นแล้วน่าจะมีแค่ 1-2 จังหวัดเท่านั้น ที่มีการก่อสร้างเสร็จแล้ว และทางสำนักงบประมาณก็ชี้แจงมาว่า ส่วนใหญ่คาดว่าจะย้ายเข้าไม่ได้ต้นปี 69 หมายความว่าหาก การก่อสร้าง 15 อาคาร เราอนุมัติงบก่อสร้างในวันนี้ การก่อสร้างอาคารก็ยังสร้างไม่เสร็จ และยังไม่สามารถย้ายเข้าไปได้จนกว่าจะถึงต้นปี 70 แต่ในทางกลับกัน แม้ในสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่เราต้องรอถึงงบ 70 เพื่อตั้งงบมาเช่าสถานที่ใหม่ หน่วยงานทำงานเร็วและเตรียมการล่วงหน้า หน่วยงานก็สามารถหาสถานที่ใหม่และเตรียมการย้ายเข้าสำหรับเจ้าหน้าที่ได้ตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 70 หรือไตรมาส 4 ของปี 69 ซึ่งเร็วกว่าด้วยซ้ำ
“วันนี้ สส. 500 คน จะต้องลงมติเรื่องนี้ ผมขอฝากคำถามว่า หากท่านทำธุรกิจที่มีพนักงาน 50 คน และท่านต้องหาสถานที่ทำงานในต่างจังหวัด โดยที่ท่านไม่รู้ว่าอีก 3 ปีข้างหน้า ธุรกิจท่านจะยังอยู่หรือไม่ ท่านจะเลือกอย่างไรระหว่างการหาที่ในการเช่ากับการสร้างอาคารขึ้นมาใหม่ และหากสมมุติท่านทำธุรกิจแล้วพนักงาน 50 คนกำลังทำงานในสถานที่ที่ไม่ปลอดภัย ท่านจะแก้ปัญหานี้อย่างไร ระหว่างเร่งหาที่เช่าใหม่เพื่อรีบย้ายเข้า กับการก่อสร้างอาคารใหม่แล้วรอให้ก่อสร้างเสร็จถึงจะย้ายเข้าได้ หากเราในที่นี้ปฏิบัติกับเงินภาษีของประชาชนที่มาจากหยาดเหงื่อของประชาชน เสมือนกับเงินส่วนตัวของเราที่มาจากหยาดเหงื่อของพวกเรากันเอง ผมเชื่อว่าทุกท่านจะเห็นด้วยกับผมและกรรมาธิการเสียงข้างน้อย” นายพริษฐ์ กล่าว.