'อาเซียน' หนุน 'ส่งออกจีน' ก.ค. แกร่งกว่าคาด ชดเชยตลาดสหรัฐจากภาษีทรัมป์
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าล่าสุดในวันนี้ (7 ส.ค.) ว่า การส่งออกของจีนในเดือนก.ค. ที่ผ่านมา ยังขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง 7.2% หรือสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์เอาไว้ที่ 5.6% ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 4.1% ส่งผลให้จีนเกินดุลการค้าอยู่ 9.82 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนที่แล้ว
ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการส่งออกไปต่างประเทศของจีน แม้ว่าจะเผชิญกับภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงจากสหรัฐ ซึ่งบ่งชี้ว่าอุปสงค์ทั่วโลกยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับเศรษฐกิจจีน
การส่งออกไปตลาด "สหรัฐ" ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปรับตัวลง 22% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันของปีก่อน และต่อเนื่องจากตัวเลขเดือนมิ.ย. ที่ลดลงกว่า 16%
อย่างไรก็ตาม จีนได้การชดเชยจากตลาดอื่นๆ ที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นแทนที่สหรัฐ นำโดยตลาด "อาเซียน" ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 17% เมื่อเทียบปีก่อน ขณะที่การส่งออกไปสหภาพยุโรป (อียู) เติบโตขึ้น 9.3%
บลูมเบิร์กระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 การส่งออกของจีนทำสถิติ "สูงสุดเป็นประวัติการณ์" เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามจัดส่งสินค้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรสหรัฐ แต่คำถามในขณะนี้ก็คือ "ความแข็งแกร่งดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปได้ตลอดทั้งปีหรือไม่" ท่ามกลางแนวโน้มที่การเร่งส่งออกล่วงหน้า (front-loading) อาจเริ่มลดลง
ข้อมูลปริมาณการค้าล่าสุดบ่งชี้ว่า กิจกรรมการค้ากำลังชะลอตัว โดยท่าเรือของจีนมีปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ลดลงในช่วง 7 วัน จนถึงวันที่ 3 ส.ค. 2568 เมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ก่อนหน้า และยังเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกันแล้วที่ปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ลดลง
ขณะเดียวกัน จีนยังต้องพึ่งพา "ประเทศที่สาม" ในการผลิตสินค้าหรือส่วนประกอบขั้นสุดท้ายมากขึ้น ซึ่งแนวโน้มนี้เร่งตัวขึ้นหลังจากสงครามการค้าครั้งแรกของโดนัลด์ ทรัมป์ (ทรัมป์ 1.0) และมีการบังคับใช้ข้อจำกัดที่เข้มงวดขึ้นต่อเศรษฐกิจจีน
ข้อมูลจาก Bloomberg Economics พบว่า ส่วนแบ่งของจีนในการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่มทั้งหมดสำหรับสหรัฐที่ผ่านประเทศต่างๆ รวมถึง "เวียดนามและเม็กซิโก" ปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 22% ในปี 2566 จาก 14% ในปี 2560