โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

จากปัญหาการนอน สู่โอกาสธุรกิจ Wellness กับหมอนสุขภาพ Homoliving

The Momentum

อัพเดต 20 สิงหาคม 2568 เวลา 17.40 น. • เผยแพร่ 2 ชั่วโมงที่ผ่านมา • THE MOMENTUM

ธุรกิจ Wellness กำลังกลายเป็นอุตสาหกรรมดาวรุ่ง หลังยุคโควิด-19 ผู้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ไม่เพียงแค่การดูแลร่างกาย แต่ยังรวมถึงสุขภาพใจที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตโดยตรง ปัจจุบันตลาด Wellness มีมูลค่านับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั่วโลก และยังคงขยายตัวต่อเนื่อง โดยหนึ่งในเซกเมนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดคือ Sleep Wellness ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ที่นอน หมอน เครื่องนอน ไปจนถึงเทคโนโลยีติดตามคุณภาพการนอน การลงทุนใน ‘การนอนอย่างมีคุณภาพ’ จึงกลายเป็นพฤติกรรมใหม่ที่ผู้บริโภคทั่วโลกยอมจ่ายเพื่อสุขภาพระยะยาว

ธุรกิจหมอนเพื่อสุขภาพ (Wellness Pillow) จึงเป็นอีกหนึ่งเซกเมนต์สำคัญในอุตสาหกรรม Wellness ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงของใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยส่งเสริมคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งถือเป็นรากฐานของสุขภาพที่ดีทั้งกายและใจ ผู้คนเริ่มมองหาเครื่องนอนที่ตอบโจทย์ทั้ง ฟังก์ชันการใช้งานและความรู้สึกที่ได้รับ จนเกิดเป็นเทรนด์การเลือกซื้อสินค้าที่สะท้อนทั้งไลฟ์สไตล์และการดูแลตนเอง (Self-care) ไปพร้อมกัน

แพร-รมิตา สุทธินรากรผู้ก่อตั้งแบรนด์ Homoliving มองว่า ‘หมอน’ คือจุดเริ่มต้นของการพักผ่อนที่มีคุณภาพ แม้จะดูเหมือนสิ่งเล็กน้อย แต่กลับส่งผลโดยตรงต่อสมดุลชีวิตในทุกๆ วัน ท่ามกลางตลาดที่มีการแข่งขันสูงทั้งจากแบรนด์ไทยและต่างประเทศ เธอเลือกที่จะพัฒนาหมอนให้กลายเป็นตัวช่วยด้าน Wellness ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น

ภายใต้กระแสการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม เทรนด์ ‘การนอนอย่างมีคุณภาพ’ กำลังได้รับการพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ และ Homoliving ก็สะท้อนให้เห็นว่า การให้ความสำคัญกับรายละเอียดเล็กๆ อย่างหมอน อาจเป็นก้าวสร้างผลลัพธ์ยิ่งใหญ่ต่อสุขภาพระยะยาวได้

แพรเล่าถึงชื่อแบรนด์ว่า Homoliving มาจากคำว่า Homo ที่หมายถึง ‘เหมือน’ และ Living หมายถึง ‘การอยู่อาศัย’ และตัวอักษร H สื่อถึง Health, Heart และ Home สินค้าของ Homoliving จึงไม่ใช่แค่ของใช้ แต่เป็นชิ้นงานที่เชื่อมโยงการพักผ่อนกับความสุขและดีไซน์

จากความวุ่นวายในเมือง สู่โจทย์เรื่องคุณภาพการนอน

ก่อนที่ Homoliving จะเกิดขึ้น ผู้ก่อตั้งมองเห็น Pain Point ที่คนไทยจำนวนมากกำลังเผชิญ นั่นคือการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบและการจราจรติดขัด การเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้ทำให้เวลาพักผ่อนลดน้อยลง หลายคนแม้จะนอนครบชั่วโมง แต่กลับรู้สึกไม่สดชื่นราวกับไม่ได้พักจริงๆ คุณภาพการนอนจึงเป็นปัญหาที่ถูกมองข้าม

เจ้าของแบรนด์เองก็เผชิญประสบการณ์เดียวกัน การทำงานในเมืองทำให้ต้องใช้เวลาอยู่บนท้องถนนนาน จนเมื่อถึงเวลานอน สิ่งที่ต้องการไม่ใช่แค่การนอนนานๆ แต่คือนอนให้มีคุณภาพ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญความวุ่นวายในวันถัดไป

จากโจทย์นี้จึงเกิดเป็น Homoliving แบรนด์หมอนที่ไม่ได้คิดเพียงเรื่องการซัพพอร์ตร่างกาย แต่ถูกออกแบบให้ช่วยสร้างคุณภาพการพักผ่อนในทุกมิติ หมอนสามารถปรับใช้ได้ในหลายจังหวะของชีวิตในบ้าน ไม่ว่าจะนั่ง เอน พัก หรือทำงานจากบ้าน โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือ การทำให้ทุกช่วงเวลาพักผ่อนมีความหมาย และช่วยรีชาร์จร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง

จากพื้นฐานงานออกแบบ สู่การพัฒนาหมอนที่ตรงกับสรีระจริง

เบื้องหลัง Homoliving ไม่ได้เริ่มจากศูนย์ ผู้ก่อตั้งมีพื้นฐานด้านอินทีเรียดีไซน์ และ Design Innovation ทำให้มีพื้นฐานด้านการออกแบบที่สอดคล้องกับสรีระมนุษย์อยู่แล้ว งานออกแบบจึงไม่ได้คิดถึงเพียงฟังก์ชัน แต่ยังผสมผสานเรื่องวัสดุ สีสัน และองค์ประกอบที่ส่งผลต่อสภาพจิตใจเข้าไปด้วย

“หมอนจะสบายต่อเมื่อมันพอดีกับสรีระ และสรีระของคนเรามีหลายรูปแบบ” แพรเล่า

นอกจากความรู้ที่ติดตัวมา Homoliving ยังได้ทำงานร่วมกับนักกายภาพบำบัดและผู้เชี่ยวชาญ เพื่อยืนยันว่าหมอนที่พัฒนาขึ้นตอบโจทย์จริง ทั้งในแง่ความสบายและหลักสรีรศาสตร์ สินค้ารุ่นแรกของ Homoliving จึงถูกพัฒนาต่อยอดมาเป็นอีกหลายเวอร์ชัน ที่ออกแบบให้เหมาะกับทุกกิจกรรม หมอนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นจากการทดสอบและเก็บฟีดแบ็กจริง เพื่อให้รองรับได้ทั้งท่านอนหงาย ตะแคง หรือแม้แต่ช่วยลดแรงกดทับบริเวณหัวไหล่และแขน “หมอนกล้วยเป็นรุ่นยอดนิยม เพราะมีขนาดใหญ่ 71 เซนติเมตร และใช้เมโมรีโฟมที่นุ่มแน่นกำลังดี ทั้งหนุน กอด หรือก่ายก็สบาย เด็กๆ ชอบเป็นพิเศษเพราะขนาดพอดีตัว อีกทั้งยังมีฟังก์ชันช่องใส่โทรศัพท์ ทำให้เหมาะกับการนอนดูซีรีส์หรือพักผ่อนได้อย่างเพลิดเพลิน” แพรเล่า

ปัจจุบัน Homoliving มีสินค้า 6 แบบ รวมเป็น 9 SKU ได้แก่หมอนกล้วย, หมอนโดนัท (รุ่นไลต์และรุ่นเฟิร์ม), หมอนเลมอน, หมอนเมฆ 2 สี และเบาะพิงหลังรูปหลังกระต่ายครอบคลุมทุกการใช้งานและเสริมการพักผ่อนในหลายรูปแบบ

แพรเล่าถึงฟีดแบ็กที่ได้รับจากผู้ใช้งานจริงว่า “Homoliving เปิดมาเกือบ 2 ปีแล้ว โดยช่วงแรกสิ่งที่สื่อสารออกไปมากที่สุดคือ เรื่องรูปลักษณ์ที่คนเห็นผ่านสื่อออนไลน์ แต่เมื่อได้ลองใช้จริง ลูกค้าพบว่าหมอนไม่ได้มีดีแค่ความน่ารัก แต่ยังนอนสบาย เพราะคุณภาพของเมโมรีโฟมที่นุ่มและแน่นพอดี ทำให้ฟีดแบ็กออกมาค่อนข้างดีและเหนือความคาดหมาย จึงเกิดการพัฒนารุ่นใหม่ตามความต้องการ อีกทั้งยังมีเคสพิเศษ เช่น ผู้ที่เพิ่งผ่าตัดบอกว่า หมอนของ Homoliving คือ ‘หมอนจบ’ ทำให้ทีมงานรู้สึกดีใจและภูมิใจที่ได้ช่วยให้ผู้ใช้เจอหมอนที่ตรงใจจริงๆ”

หัวใจสำคัญของการออกแบบคือ ‘คุณภาพ’

สำหรับ Homoliving หัวใจสำคัญของการออกแบบคือ คุณภาพที่ลูกค้าจะได้รับ เริ่มตั้งแต่การเลือกวัสดุหลักอย่าง Memory Foam ซึ่งเป็นวัสดุทางการแพทย์ที่มีคุณสมบัติทั้งนุ่มและแน่นในเวลาเดียวกัน หนุนแล้วช่วยลดอาการปวดเมื่อย รองรับสรีระได้ดี แถมยังนุ่มแบบกอดสบายโดยไม่ยวบจนเสียทรง เสริมด้วยปลอกหมอนที่ทำจากผ้า Cool Fabric เนื้อนุ่มลื่นและกักเก็บความเย็น ทำให้เวลานอนรู้สึกสบายและผ่อนคลายมากขึ้น

Homoliving ไม่ใช่แค่หมอน แต่ดูแลจิตใจ

แพรมองว่า ความแตกต่างของ Homoliving ไม่ใช่แค่การทำหมอนที่รองรับสรีระ แต่คือการออกแบบที่ช่วยดูแลจิตใจไปพร้อมกัน เพราะหมอนไม่ได้เป็นเพียงเครื่องนอน แต่คือเพื่อนคู่ใจที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดในเวลาพักผ่อน การเลือกใช้วัสดุคุณภาพอย่างเมโมรีโฟม รวมถึงปลอกหมอนเย็นที่ทำให้การนอนรู้สึกสบาย ล้วนสะท้อนให้เห็นว่า Homoliving ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายอย่างแท้จริง ขณะเดียวกันรูปทรงที่สดใส น่ารัก และจัดวางในบ้านได้สวยงาม ก็ช่วยเติมเต็มด้านอารมณ์และความสุขให้กับผู้ใช้ไปพร้อมๆ กัน

จากการสร้างการรับรู้ สู่ความผูกพันระยะยาว

ช่วงเริ่มต้น Homoliving มุ่งสร้าง Brand Awareness เพื่อให้คนรู้จักและเข้าถึงสินค้า แต่สิ่งที่ทำให้แบรนด์ยืนระยะได้จริงคือ คุณภาพ ที่ทำให้ลูกค้าพร้อมบอกต่อและกลับมาซื้อซ้ำ แพรเชื่อว่าการตลาดที่ดีที่สุดคือ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า ตั้งแต่การเลือกซื้อ ไปจนถึงการใช้งานจริง

สำหรับ Homoliving การสื่อสารกับลูกค้าไม่ได้จบแค่การขาย แต่คือการพูดคุย รับฟัง และแนะนำหมอนที่เหมาะกับสรีระและความต้องการเฉพาะของแต่ละคน โดยเชื่อว่าความสุขที่ส่งต่อผ่านหมอน ไม่ได้อยู่แค่ตัวสินค้า แต่เกิดขึ้นตั้งแต่การที่ลูกค้าเข้ามาเจอแบรนด์ ได้พูดคุย และรู้สึกว่าแบรนด์เข้าใจเขาจริงๆ “เรามองว่า การตลาดไม่ใช่แค่เครื่องมือขาย แต่คือการส่งต่อความสุขจากแบรนด์ไปถึงลูกค้าอย่างจริงใจ”

ก้าวต่อไปของ Homoliving ขยายความสุขผ่านสินค้าใหม่

แพรเล่าว่า หลังจากได้ฟังฟีดแบ็กจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แบรนด์จึงตั้งใจจะพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์กับความต้องการที่หลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรายละเอียดเรื่องสรีระ ความชอบส่วนบุคคล หรือเงื่อนไขเฉพาะด้านสุขภาพ เพื่อให้ทุกคนได้เจอ หมอนที่ใช่สำหรับตัวเองจริงๆ

แม้จะพัฒนาสินค้าใหม่ในอนาคต แต่หัวใจของ Homoliving จะยังคงชัดเจนเหมือนเดิมคือ การสร้างสุขภาพแบบองค์รวมที่ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจ ผ่านวัสดุที่มีคุณภาพและดีไซน์ที่สร้างความสุขในการใช้ชีวิต

ในระยะยาว Homoliving วางแผนที่จะต่อยอดจากหมอน ไปสู่สินค้าที่เกี่ยวกับการพักผ่อนและการใช้ชีวิตเชิง Wellness อื่นๆ ที่ยังคงยึดหลักเดิมคือ Functional + Emotional Design เพื่อสร้างทั้งประโยชน์ใช้สอยและคุณค่าทางใจให้กับผู้ใช้

“เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การขายหมอนเพิ่ม แต่คือการสร้างแบรนด์ที่คนรู้สึกไว้ใจ และเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่ดีขึ้น”

บทเรียนธุรกิจจาก Homoliving เริ่มต้นจากความรัก

แพรเล่าว่า “ในการเริ่มต้นทำธุรกิจ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ความรักในสิ่งที่ทำและความตั้งใจที่อยากแชร์สิ่งดีๆ ให้คนอื่น ถ้าเรามีความสุขกับสิ่งที่ทำ คนอื่นก็จะสัมผัสได้”

ธุรกิจเต็มไปด้วยความท้าทายและปัญหาที่ต้องจัดการ แต่ความรักและความตั้งใจจะช่วยให้เราผ่านอุปสรรคไปได้ แพรแนะนำว่า “หากใครอยากเริ่มธุรกิจ ควรเลือกสิ่งที่เราชอบจริงๆ และมีโอกาสในตลาด รวมถึงสอดคล้องกับความต้องการของโลก เหมือนอิคิไกเลย ทำในสิ่งที่เรารัก ทำในสิ่งที่โลกต้องการ แล้วเราตื่นมาในทุกวันด้วยความสุข มันจะช่วยให้แบรนด์หรือธุรกิจยั่งยืนได้จริง”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

ล่าสุดจาก The Momentum

‘SLEEK EV’ มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าสัญชาติไทย นวัตกรรมใหม่เพื่อการเดินทาง ที่ประหยัดและรักษ์โลก

17 ชั่วโมงที่ผ่านมา

‘สุชาติ’ ตั้งข้อสังเกต ที่ดิน ‘พระบาทน้ำพุ’ ไม่ได้ถือในนามวัด แต่ใช้ชื่อกรรมการมูลนิธิถือครองหลายพันไร่

18 ชั่วโมงที่ผ่านมา

วิดีโอแนะนำ

ข่าวและบทความธุรกิจ-เศรษฐกิจอื่น ๆ

AIS ดัน 5G Use Case คว้า 5 รางวัล ในงาน Digital Transformation World 2025 โดย TM Forum ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตอกย้ำความแข็งแกร่งศักยภาพโครงข่ายอัจฉริยะ

Positioningmag

สินเชื่อระบบแบงก์พาณิชย์ ไตรมาส 2 ปี 68 หดตัวต่อ เหลือ 0.9% ขณะที่ NPL ทรงตัวที่ 2.91% หนี้ครัวเรือนไตรมาส 1 ลดมาอยู่ที่ 87.4% กังวลภาษีสหรัฐฯกระทบลูกหนี้

BTimes

"รมว.พาณิชย์" รับข้อเสนอชาวไร่ข้าวโพดแก้ราคาตก กำชับโรงงานรับซื้อผลผลิตในประเทศก่อน

สยามรัฐ

LINE MAN แท็กทีม Café Amazon คว้า “อิ้งค์ วรันธร” เปิดแคมเปญ “Café Amazon แบบ อิ้งค์ x2 ต้อง LINE MAN ONLY” เสิร์ฟความเอ็กซ์คลูซีฟแบบแพ็คคู่

Positioningmag

ไทย-สิงคโปร์ ดันส่งออกสินค้าเกษตร หนุนเปิดตลาดคาร์บอนเครดิต

The Better

MAJOR จับมือ ShopeePay ชู “SPayLater” ต่อเนื่องปีที่ 8

หุ้นวิชั่น

Customer Profiling คืออะไร ทำไมธนาคารถึงปรับวงเงินโอนเงินไม่เกิน 50,000 บาทต่อวัน

การเงินธนาคาร

เริ่มแล้ววันนี้ “บขส.” เปิดบริการใหม่ “ส่งพัสดุถึงบ้าน” นำร่องกรุงเทพฯ/ปริมณฑล

เดลินิวส์

ข่าวและบทความยอดนิยม

เมื่อละครแนวตั้งกลายเป็นเกมเชนเจอร์ iQIYI กับการปั้น Micro Drama สู่อุตสาหกรรมพันล้าน

The Momentum

Grab เจาะกลุ่มเอ็กซ์แพต-ดิจิทัลนอแมดในไทย ยอดใช้บริการเดลิเวอรีโต 50% พัฒนา AI แปลภาษา หวังสร้างฐานลูกค้าระยะยาว

The Momentum

ก่อสร้างไทยโตช้า แต่เปลี่ยนเร็ว กลยุทธ์ ‘จระเข้’ ในวันที่วัสดุก่อสร้าง ต้องตอบโจทย์มากกว่าแค่การใช้งาน

The Momentum
ดูเพิ่ม
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...