“ภูมิธรรม” ถามพรรคประชาชน “ภูมิใจไทย” ไว้ใจได้แค่ไหน
วันที่ 2 ก.ย. 68 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี กล่าวก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ว่ายังไม่เห็นว่ามีวาระการแต่งตั้งโยกย้ายด้วยหรือไม่ แต่ ครม.สามารถทำได้ แม้ขณะนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรีแต่ตนปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ตำแหน่งรักษาราชการแทน เช่นเดียวกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็สามารถเซ็นเอกสารในฐานะรัฐมนตรีได้ทั้งหมด เพราะยังมีอำนาจเต็ม รวมถึงในเรื่องของการยุบสภาก็มีอำนาจ
ส่วนในที่ประชุมวันนี้จะมีการหารือถึงความเป็นไปได้ในการยุบสภาหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่ายังไม่หารือ เนื่องจากขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการจัดตั้งรัฐบาลจนกว่าจะมีการประกาศชัดเจนในการจับมือร่วมรัฐบาล หรือ เข้าสภาจนได้นายกรัฐมนตรี
ส่วนที่ดูท่าทีพรรคประชาชนเหมือนไม่ได้ไว้ใจทั้งพรรคการเมืองสีแดงและสีน้ำเงิน นายภูมิธรรม ย้อนถามกลับว่าแล้วจะทำอย่างไร เพราะต่างฝ่ายต่างไม่ยกให้ใครเลยก็แบ่งเป็นสามขั้ว
ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลจะมีโอกาสไหลไปรวมกับขั้วเดิมของพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าตอนนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งรัฐบาล หากไปพูดถึงความเป็นไปไม่ได้แล้วจะคุยกันอย่างไร พร้อมย้ำว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับการยืนยันว่าพรรคประชาชนจะไม่เลือกใครเลย ตนคิดว่ารอให้การประชุมชัดเจนก่อน อย่าไปใช้คำว่า“ถ้า”เลย เพราะหากเริ่มต้นด้วยคำว่า “ถ้า” ก็จะทำงานไม่ได้
สำหรับกรณีที่ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าถ้าเกมจบไม่ลง พรรคเพื่อไทยจะไปดึง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมา นายภูมิธรรม มองว่าไปไกลเกินไป นายเทพไทอย่าตัดสินใจแทนพรรคเพื่อไทย
เมื่อถามว่า เรื่องยุบสภายังมีเวลาตัดสินใจใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่าเรื่องนี้อยู่ในกระบวนการอยู่แล้ว ขณะนี้อยู่ในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาล มีการช่วงชิง มีการพูดคุย และมีการทำความเข้าใจจึงอยู่ที่ข้อสรุปที่จะตกลงกันร่วมรัฐบาลว่าจะเป็นอย่างไร แต่วันนี้ยังไม่มีอะไรที่เป็นคำตอบที่ชัดเจน เพราะพรรคประชาชนยังไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาพรรคเพื่อไทย หรือไม่เอาพรรคภูมิใจไทย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพราะพรรคประชาชนยังไม่มีข้อสรุปและ สส.ในพรรคก็ยังเห็นต่างอยู่ รอให้เขาตัดสินใจให้ชัดเจน แต่หากบ้านเมืองไม่มีทางออกก็ยังมีกลไกตามขั้นตอนของประชาธิปไตย จะเลือกตรงไหนก็ได้ แต่ตอนนี้การเจรจายังไม่ได้ข้อยุติ ว่าจะเสนอใครไปโหวต แล้วโหวตแล้วจะได้หรือไม่ได้ก็ยังไม่รู้ วันนี้พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ จนกว่าจะมีการตกลงร่วมกันชัดเจนและเสนอชื่อเข้าสภาแล้วโหวตจนสำเร็จ
ส่วนกรณีที่พรรคประชาชน ยังไม่ไว้ใจเพราะเคยถูกหักหลังมา นายภูมิธรรม กล่าวว่าหักหลังหรือไม่หักหลัง อยู่ที่พรรคประชาชนตัดสินใจ
ส่วนจะให้ความมั่นใจกับพรรคประชาชนอย่างไร นายภูมิธรรม บอกว่าเราพูดชัดเจนและประกาศต่อสาธารณะไปแล้วว่าจะทำอะไรบ้าง ก็รอเพียงคำตอบจากพรรคประชาชน ส่วนจะเลือกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ก็อยู่ที่ดุลยพินิจว่า จะเลือกเพื่อไทย หรือจะร่วมตั้งรัฐบาลกับเพื่อไทย หรือจะเลือกพรรคภูมิใจไทย ไม่ต้องอุบอิบและเข้าไปร่วมเป็นรัฐบาลขอกระทรวงไหนพรรคภูมิใจไทยก็ฟังอยู่แล้ว หากขอกระทรวงมหาดไทยก็เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยยอม ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพรรคประชาชนว่าจะตัดสินใจอย่างไร
เมื่อถามย้ำว่า ข้อเสนอของพรรคประชาชนคือต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีเพื่อมายุบสภา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยก็เหมือนกัน แต่ข้อเสนอของพรรคเพื่อไทยเพื่อแก้วิกฤต จะเอาไม่เอาก็ขึ้นอยู่กับประชาชน และที่บอกว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ความเป็นจริงก็ไม่ใช่ เพราะที่เคยตกลงว่าจะสนับสนุน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็ยกมือทั้งพรรคให้ทั้งสองครั้ง
ส่วนเสียงสนับสนุนจาก สว. พรรคก้าวไกลขณะนั้น ก็ระบุเองว่าจะเป็นผู้ดูแลสว.เอง ที่จะเชิญชวนให้มาเลือกนายพิธา แต่ผลออกมาไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะฉะนั้นจะมาว่าเราไม่ได้ แต่ยอมรับว่าเงื่อนไข 10 เดือนของพรรคก้าวไกล เพื่อไทยเห็นต่าง เพราะมองว่า 10 เดือนมากเกินไป ปัญหาประเทศรอไม่ได้ ก็กล่าวหาว่าเพื่อไทยฉีก MOU ซึ่งหลังจากนั้นตนก็ได้เชิญทุกพรรคการเมืองมาพูดคุยเรื่องตั้งรัฐบาล ซึ่งทุกพรรคพูดชัดเจนว่าไม่เอา ม.112 ไม่เอาพรรคก้าวไกลเข้าร่วมเงื่อนไข ก็ชัดเจน ถ้าถามว่าเรื่องนี้ทำให้พรรคก้าวไกล กินแหนงแคลงใจกับพรรคเพื่อไทย ก็มีสิทธิ์ที่จะคิดได้ แต่อะไรที่ผิดไปตนก็ขอโทษ เพราะวันนี้ปัญหาประเทศคือเรื่องใหญ่ และถ้าบอกว่าวันนี้ไม่มีอะไรไว้ใจพรรคเพื่อไทย แล้วถามว่าพรรคภูมิใจไทยมีอะไรให้ไว้วางใจ ที่ผ่านมาก็โหวตคัดค้าน รัฐธรรมนูญมาโดยตลอด พูดชัดเจนมาโดยตลอด หรือแม้แต่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีตสส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย ก็พูดกลางที่ประชุมแต่ตนไม่ขอลงรายละเอียด ให้กลับไปย้อนดูคลิปได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่พรรคประชาชนต้องคิด ไม่มีเหตุผลว่าจะไว้ใจใครหรือไม่ไว้ใจใคร ถ้าจะไม่ไว้ใจพรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทยน่าไว้ใจหรือ แล้ววันนี้ถ้าหากพรรคภูมิใจไทยเข้ามาเป็นรัฐบาลใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะพรรคประชาชนบอกว่าจะไม่เป็นรัฐมนตรี ยุติเรื่องเขากระโดง ก็แสดงว่าเราไม่สามารถเอาที่หลวงกลับคืนมาได้ และสว. ก็สามารถสั่งได้ในกลไกต่างๆ และอะไรคือความมั่นใจของพรรคประชาชน อยากให้พูดให้ชัดเพื่อไทยไม่มีอะไรด้อยกว่าพรรคภูมิใจไทย ประวัติเรื่องประชาธิปไตยเพื่อไทยชัดเจนกว่ามาโดยตลอด เรื่องนี้ไม่ได้เอามาพูดเพื่อกลบเรื่องอื่นๆ แต่หากพรรคประชาชนจะร่วมกับพรรคภูมิใจไทยตนก็มองว่าเป็นสิทธิ แต่อย่ามาบอกว่าเพื่อไทยไม่น่าไว้ใจ และอยากให้พูดให้ชัดว่า มีอะไรที่พรรคภูมิใจไทยน่าไว้ใจ เพื่อไทยก็จะยอมรับ
เมื่อถามว่าการเดินเกมของพรรคประชาชนขณะนี้ต้องการบีบให้ยุบสภาหรือไม่ นายภูมิธรรม ถึงกับร้อง โอย พร้อมบอกว่า ไปมองแบบนั้นก็มองพรรคประชาชนร้ายเกินไป แสดงว่าที่พรรคประชาชนเดินเกมมาทั้งหมด ไม่สนใจความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นแล้วจะเป็นปัญหาต่อประเทศอย่างไร ตนไม่เชื่อว่าพรรคประชาชนจะคิดถึงขนาดเอาเกมส่วนตัวมาแก้ปัญหาหรือสร้างผลกระทบให้กับประเทศชาติ
เมื่อถามต่อว่า แกนนำพรรคประชาชนอย่าง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์ โฆษกพรรคประชาชน ก็ออกมาพูดว่า ถ้าหากจะยุบสภาก็ยุบได้เลยไม่ต้องรอการตัดสินใจของพรรคประชาชน นายภูมิธรรม บอกว่าถ้านายพริษฐ์ พูดแบบนั้นแสดงว่าไม่เข้าใจกระบวนการประชาธิปไตย เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือเพื่อตั้งรัฐบาล อยู่ๆจะให้ยุบสภา แสดงว่าเอาความต้องการของตนเองเป็นหลัก วันนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตัดสินใจในกระบวนการอื่นๆของประชาธิปไตย ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาล ถ้าภูมิใจไทยบอกว่าขณะนี้รวมเสียงได้มากกว่า 280 ก็แสดงว่ารวมเสียงของพรรคประชาชนเข้าไปด้วย และมั่นใจว่าได้ตกลงกับพรรคประชาชนเรียบร้อยแล้ว แสดงว่ากระบวนที่กำลังเกิดขึ้นเป็นการเล่นละครอยู่หรือไม่ ถ้าเป็นแบบนั้นพรรคประชาชนก็ต้องรับผิดชอบ แต่ตนเชื่อว่าทุกฝ่ายกำลังพิจารณาในกระบวนการตั้งรัฐบาล จะไปพูดเรื่องอื่นและยุให้ยุบสภา แสดงว่ามีเจตนาที่จะยุบสภาอย่างเดียว แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ใช่เรื่องที่จะยุบสภา วันนี้ขอให้สวมหัวใจนักประชาธิปไตย อย่าใช้ความโกรธเกลียด แต่ที่พูดว่าไม่ใช้ความโกรธเกลียด แต่ก็อยากถามว่าพรรคภูมิใจไทยดีกว่าพรรคเพื่อไทยตรงไหน ถึงจะไปตัดสินใจยกมือให้ ตนฝากถามไปยังพรรคประชาชน นายภูมิธรรม ยิ้มและหัวเราะ พร้อมกับย้ำว่า ไม่ได้โกรธ แค่พูดให้ฟัง
ส่วนในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทยที่จะรวบรวมเสียงไปโหวตนายกในสภายังมั่นใจใช่หรือไม่ว่าการเมืองจะไม่ถึงทางตัว นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตอนนี้สื่อก็ยังเห็นว่าพรรคร่วมรัฐบาลจับมือกันอยู่ อาจจะมีบางเสียงที่สื่อไปตีความว่าทะแม่งๆ ทางโน้นก็บอกง่าที 280 -300 เสียงแล้ว พรรคประชาชนยกมือให้ พรรคประชาชนบอกว่ายังไม่ตัดสินใจเลย ยังไม่ได้ยกให้ใคร ท่านจะเชื่อใครดีล่ะ มันต้องมีใครหลอก โกหกสักคนหรือสองคน หรือสามคน หรือโกหกหมดก็ได้ ตนว่าอย่าเพิ่งไปสรุปกับเสียงที่แว่วๆมา เพราะวันนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันกำลังเป็นการหาทางออกเพื่อสร้างผู้นำประเทศและเลือกรัฐบาลแก้ปัญหาวิกฤต พร้อมฝากถึงสื่อมวลชนว่าหากเรื่องไหนไม่มีความชัดเจนอย่าเอามาพูดให้เกิดความไม่มั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาล ตนคิดว่าเรื่องนี้สำคัญ ไม่อย่างนั้นคงคงอยู่ประชุม ก.ตร. คงไม่ไปหรอก
ส่วนพรรคประชาชนได้บอกหรือไม่ว่าจะให้คำตอบเมื่อไหร่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าพรรคประชาชนบอกจะประชุมเมื่อวานและไม่แน่ใจว่าจะได้คำตอบ ซึ่งตนก็บอกว่าไม่เป็นไร ทำให้ชัดเจน แต่ขอให้แจ้งพรรคเพื่อไทยด้วย ซึ่งขณะนี้ยังไม่แจ้งมาแล้วจะให้ตนไปคิดว่าเขาไม่ทำได้อย่างไร
ส่วนรู้สึกอย่างไรที่เดินทางไปพรรคประชาชนเพื่อเทียบเชิญร่วมรัฐบาลแต่กลับมีคนมาตะโกนไล่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าไม่เป็นไร ตนคิดว่าไม่ใช่พรรคประชาชนเป็นคนทำ เป็นด้อม เป็นผู้สนับสนุนแม้จะยืนอยู่ในพรรคแล้วตะโกนว่ามา ก็เป็นสิทธิ์ เราเป็นบุคคลสาธารณะ เรารับฟังได้ ไม่มีปัญหา ทั้งหมดจะเป็นอย่างไร เหมาะสมหรือไม่ สายตาผู้คนก็เห็นอยู่
ส่วนที่พรรคประชาชนมองว่าสิ่งที่พรรคเพื่อไทยทำตอนนี้ไม่ได้แสดงถึงความจริงใจถึงที่สุด แต่ทำเพื่อดึงเสียงสส.ของพรรคและบางส่วนของพรรคร่วมที่ไปรวมกับภูมิใจไทยกลับมา ซึ่งอาจนำไปสู่การปฏิวัติ หรือยุบสภา นายภูมิธรรมกล่าวว่าอย่าโยนความผิดมาให้พรรคเพื่อไทย คำถามนี้ไม่สร้างสรรค์ ทำไมไม่คิดกลับกันว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีการให้เวลา ดึงเวลา เพื่อดึงคนพรรคเพื่อไทยออกไป ตนว่าคิดได้ทั้ง 2 อย่าง
ส่วนอะไรจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ตัดสินใจยุบสภา นายภูมิธรรมกล่าวว่านายภูมิธรรมกล่าวว่าอยู่ที่สถานการณ์ทางการเมือง อะไรที่ทำให้เกิดเดดล็อกไปไม่ได้ กระบวนการทางประชาธิปไตยมีทางเลือกอีกหลายทาง ตนยังไม่ได้คิดว่าจะยุบสภา จริงๆยังไม่ได้คิดอยู่ในหัวเลย มันมีกระบวนการอยู่แล้ว ยุบสภาเป็นกระบวนการหนึ่ง แต่วันนี้ยังคุยกันว่าจะตั้งรัฐบาลร่วมกัน ส่วนเรื่องอื่นไกลจากสถานการณ์ที่ยังเป็นอยู่.