ไขข้อสงสัย ทำไมไม่ควรทานยาคู่กับนม ส่งผลต่อฤทธิ์ของยาจริงหรือไม่?
เรามักได้ยินอยู่เสมอว่าไม่ควรกินยาพร้อมกับนม แต่หลายคนยังไม่ทราบว่าเหตุผลที่แท้จริงคืออะไร เพราะนมเองก็ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์หลากหลายอีกทั้งเป็นแหล่งแคลเซียมที่หลายคนรู้จัก มีรสชาติที่อร่อยและหาซื้อง่าย จึงไม่น่าจะเป็นอันตรายเมื่อกินคู่พร้อมยา นี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องรู้เพราะบางอย่างถึงจะมีประโยชน์เหมือนกันแต่กินคู่กันได้กลับไม่ดีต่อสุขภาพ
เทคนิค “กินยา” ให้ถูกเวลา ส่งเสริมการรักษา หายไวขึ้น!
"ผู้สูงอายุ" กินยาเท่าที่จำเป็น-ตามแพทย์สั่ง ปลอดภัยไม่เป็นพิษร่างกาย
แคลเซียมในนมทำปฏิกิริยากับยา
เนื่องจากในนมมีปริมาณแคลเซียมสูง เมื่อดื่มนมควบคู่กับยา จึงทำให้แคลเซียมทำปฏิกิริยากับยาที่รับประทานเข้าไป โดยมักจะส่งผลให้ยาหมดฤทธิ์ และทำให้ประสิทธิผลของยาหมดไป รวมถึงส่งผลต่อการดูดซึมของยาด้วย แพทย์จึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินยากับเครื่องดื่มจำพวกนมนั่นเอง
นมอะไรบ้างที่ห้ามกินกับยา
นมทุกประเภทล้วนทำให้เกิดปฏิกิริยากับยาได้ ทั้งนมแม่ นมจากสัตว์ (นมวัว นมแพะ นมแกะ) นมจากพืช (นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์ นมข้าวโพด) รวมถึงนมพาสเจอร์ไรซ์ นมสเตอริไลซ์และนมยูเอชทีด้วย
กินยากับน้ำเปล่าได้ผลที่สุด!
เหตุผลที่ควรกินยาพร้อมกับน้ำเปล่า เป็นเพราะทำให้ตัวยาแตกตัว ละลายและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีที่สุด เนื่องจากน้ำเปล่าไม่มีปริมาณของแร่ธาตุหรือสารอาหารใดสูงจนเกิดปฏิกิริยากับยาและลดประสิทธิผลของยาได้
เว้นกี่ชั่วโมงถึงเริ่มกินนมได้ หลังกินยา
หากจะดื่มนมหรือบริโภคผลิตภัณฑ์นม อาทิ เนย, ชีส, โยเกิร์ต จะต้องเว้นระยะเวลา 2 ชั่วโมงทั้งก่อนและหลังรับประทานยา เพื่อป้องกันไม่ให้ยาและแคลเซียมทำปฏิกิริยากันในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็ก ซึ่งหลังจาก 2 ชั่วโมงไปแล้ว ถือเป็นเวลามากพอที่จะไม่ทำให้ยาเคลื่อนที่ไปพบกันในระบบทางเดินอาหาร
ทั้งนี้หากเด็กหรือผู้ที่มีปัญหาในการกลืน อาจต้องปรับเปลี่ยนวิธีด้วยการผสมยาเพื่อช่วยให้กลืนยาได้ง่ายขึ้น ซึ่งแพทย์แนะนำให้ผสมกับน้ำเปล่าเช่นกัน ซึ่งหลังจากผสมยากับน้ำแล้ว ให้ดื่มจนหมดเพื่อให้ยาในปริมาณที่ครบถ้วน และอย่าทิ้งไว้เกิน 2 ชั่วโมงด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ