‘ทักษิณ-ฮุน เซน’ คือต้นเหตุ
ยังงงๆ กันอยู่….
ก็พยายามหาสาเหตุกันครับว่า อะไรทำให้ไทย-กัมพูชา ใช้กำลังทหารปะทะกันบริเวณแนวชายแดนครั้งรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งๆ ที่กัมพูชารู้ตัวดีว่า สู้ไม่ได้
แต่ก็เริ่มโจมตีก่อน
คุ้ยแคะแกะเกาแล้ว เหตุผลที่มีน้ำหนักมากที่สุดคือ ความขัดแย้งระหว่างตระกูล “ชินวัตร” กับ “ฮุน”
เผื่อชาวโลก รวมทั้งนักวิชาการฝรั่ง ที่วิจารณ์เป็นตุเป็นตะจนตามไม่ทันว่า ใครเป็นผู้เริ่มท่าทีที่นำไปสู่ความรุนแรงก่อนกัน ก็ให้ย้อนกลับไปวันที่ ๒ มิถุนายน ที่ผ่านมา
วันนั้น “ฮุน เซน” ขู่คนไทยจนขนลุกไปทั่วประเทศ
“…ถ้าเราไม่ยอมให้ศาลตัดสิน ปัญหานี้ก็จะเหมือนกับฉนวนกาซาที่ไม่มีวันจบสิ้น การต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ หรือใหญ่ๆ จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วทำไมเราถึงต้องกลัวการขึ้นศาลถ้าเราบริสุทธิ์…”
ถ้าจะขึ้นศาลโลกกระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องเอาคำขู่นี้ไปเป็นหลักฐานด้วย
“ฮุน เซน” คิดจะทำสงครามตั้งแต่ต้นแล้ว
วันนั้นคลิปลับ “อังเคิลวุ้นเส้น” กับหลาน “อิ๊งค์” ยังไม่โผล่มาด้วยซ้ำ
ไม่มีแนวโน้มว่าจะมีการปะทะอย่างรุนแรงของทหารทั้ง ๒ ประเทศเลย
มิหนำซ้ำนายกรัฐมนตรีไทยยังรับปาก อยากได้อะไรจะจัดให้ หาก “อังเคิลวุ้นเส้น” ขอมา
ไม่มีสัญญาณบอกเหตุเลยว่า ๒ ตระกูลนี้จะแตกคอกัน
แถมยังมีประเด็นที่สร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้คนไทยทั้งประเทศ นายกรัฐมนตรีไทยบอกว่ามีศัตรูคนเดียวกันกับ “อังเคิลวุ้นเส้น”
คือ…แม่ทัพภาคที่ ๒
ในวันที่กองทัพประกาศพร้อมปกป้องประเทศ วันนั้นรัฐบาลไทยกับกัมพูชายังมีความสัมพันธ์อันดีดุจญาติสนิทด้วยซ้ำไป
แต่แล้ว “ฮุน เซน” ทำอย่างที่ประกาศไว้ ชายแดนไทย-กัมพูชา กลายเป็นฉนวนกาซาย่อมๆ
แล้วมันมาจากเหตุอะไร
ขัดแย้งธุรกิจสีเทา?
ประเด็นนี้เริ่มพูดถึงกันเยอะ
ข้อมูลที่เป็นทางการ
กาสิโน พนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ ล้วนเป็นหม้อข้าวของ “ฮุน เซน” และบรรดาสมุน
เดือนมิถุนายน กรมสรรพากรของกัมพูชาเปิดเผยว่า รายได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ในประเทศสูงถึง ๖๐% ของ GDP
หรือประมาณ ๖.๒ แสนล้านบาทต่อปี
นี่คือแหล่งรายได้หลักของกัมพูชา
ปีที่แล้ว กัมพูชาเก็บภาษีจากธุรกิจกาสิโนและการพนันรวม ๒ พันล้านบาท
เพิ่มขึ้น ๘๕% จากปีก่อนหน้า
มีกาสิโนที่ได้รับใบอนุญาต ๑๙๕ แห่ง
ส่วนใหญ่อยู่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รองรับนักพนันไทยเป็นการเฉพาะ
ยังมีข้อมูลว่า ขบวนการอาชญากรรมไซเบอร์ในกัมพูชามีผู้เกี่ยวข้องกว่า ๑๕๐,๐๐๐ คน และเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ข้ามชาติจากกว่า ๗๐ ประเทศ
เป็นแหล่งฟอกเงินแหล่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
“ฮุน เซน” และเครือข่ายได้รับประโยชน์มหาศาลจากธุรกิจสีเทานี้
กลุ่มทุนธุรกิจสีเทาในไทยซึ่งอยู่ในแวดวงการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ “ฮุน เซน” มานานนับสิบปีแล้ว และหยั่งรากลึกพอสมควร
มีการวิเคราะห์ว่าเพราะรัฐบาลเพื่อไทยมีนโยบายเปิดกาสิโน ทำให้ “ฮุน เซน” ไม่พอใจ เพราะเท่ากับแย่งลูกค้ากัมพูชาโดยตรง
แต่รัฐบาลเพื่อไทยขอถอนร่างกฎหมายกาสิโนออกจากสภาไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมแล้ว และเป็นที่รับรู้ว่ายากที่จะนำกลับเข้าสภาอีก เนื่องจากเสถียรภาพของรัฐบาลง่อนแง่น
น่าจะทำให้ “ฮุน เซน” เบาใจได้ว่าอย่างน้อยๆ ช่วง ๕ ปีนี้ยากที่จะเกิดกาสิโนในไทย
แต่ “ฮุน เซน” ยังจุดไฟสงครามขึ้นมา!
วันที่ ๘ กรกฎาคม ก่อนวันที่สภาผู้แทนราษฎรของไทยจะลงมติถอนร่างกฎหมายกาสิโนออกจากระเบียบวาระการประชุมสภาเพียง ๑ วัน ตำรวจไซเบอร์เปิดปฏิบัติการปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนกัมพูชา
ขอหมายศาลตรวจค้น ๑๙ จุด ใน ๓ จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, สมุทรปราการ และชลบุรี
เป้าหมายอยู่ที่ “ก๊ก อาน” ที่เป็นทั้งนายทุน นักการเมือง คนสนิทของ “ฮุน เซน”
มีทรัพย์สินรวมนับแสนล้านบาท
“ก๊ก อาน” เป็นเจ้าของกลุ่มบริษัท Crown Casino ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในปอยเปตและสีหนุวิลล์
เป็นกลุ่มธุรกิจสีเทาที่เชื่อมโยงนักการเมืองระดับสูงในกัมพูชา โดยเฉพาะอาณาจักรธุรกิจกาสิโนในปอยเปต
เป็นเจ้าของตึกสูง ๑๗, ๑๘, ๒๐ และ ๒๕ ชั้น ปล่อยให้เช่าชั้นทำธุรกิจสีเทา
เป็นเจ้าของฐานบัญชาการเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ ตำรวจไทยตั้งข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และฟอกเงิน
มีการออกหมายจับลูกของ “ก๊ก อาน” ๓ คน คือ "จุรี-ภูเฌอหลิน-กิตติศักดิ์ คล่องกิจกล" ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
และอาจสวมบัตรประชาชนผิดกฎหมาย
ว่ากันว่านี่คือการเอาคืนของ “ทักษิณ” หลัง "ฮุน เซน" ปล่อยคลิปลับสนทนากับ “อุ๊งอิ๊ง” ที่นำไปสู่การถอดถอนออกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ฐานละเมิดจริยธรรมร้ายแรง
การปะทะกันในสื่อโซเชียลของบุคคลระดับผู้นำและผู้บงการของทั้ง ๒ ประเทศ นำไปสู่การปะทะกันของทหารทั้ง ๒ ประเทศตามแนวชายแดน
มีประชาชนเสียชีวิต
มีทหารต้องสละชีพเพื่อชาติ
แม้ “ทักษิณ” จะบอกว่าไม่รู้จัก “ก๊ก อาน” แต่ “ฮุน เซน” ก็ทิ้งปริศนาไว้ ว่าเมื่อไทยสอบ “ก๊ก อาน” เพราะสนิทสนมกับตนเอง ศาลไทยต้องสอบ “ทักษิณ” ด้วย เพราะสนิทสนมกันมาก
“เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่าทักษิณมีความใกล้ชิดกับผมมาก ถึงขนาดมีห้องว่างที่บ้านของผมด้วยซ้ำ”
“เจีย ธีริธ” โฆษกของฮุน เซน ตอกย้ำอีกทีว่า…
“…ถ้าจะหาเรื่องราวของผู้ใกล้ชิดของสมเด็จฯ เดโช ฮุน เซน หากศาลไทยเต็มใจ ก็ควรจะฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร เพราะเขาคือคนที่ใกล้ชิดกับสมเด็จ ฮุน เซน มากที่สุดเป็นบุคคลที่ได้รับการเลี้ยงดูโดยสมเด็จ ฮุน เซน สมเด็จฯ ได้เลี้ยงดูครอบครัวทักษิณมาทั้งครอบครัว…”
ครับ…ข้อพิพาทเรื่องชายแดนไทย-กัมพูชานั้นมีมานานแล้ว และดำรงอยู่เรื่อยมา แต่ไม่เป็นเหตุให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงเช่นที่เกิดอยู่ในวันนี้
ในอดีต สิบกว่าปีก่อน “ทักษิณ” และบริวารเสื้อแดงเคยแต่งเพลงสดุดี “ฮุน เซน” ด้วยซ้ำ
แต่วันนี้ ๒ ตระกูลการเมือง “ชินวัตร-ฮุน” แตกคอ
คนที่ซวยคือประชาชนของทั้ง ๒ ประเทศ.