คนไทยเป็นหนึ่ง แห่ร่วมบริจาค สู้ศึก‘ชายแดน’
ธารน้ำใจชาวไทย ส่งมอบความช่วยเหลือชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลแนะนำช่องทางรับบริจาคปลอดภัยไม่ถูกหลอก ระวังอย่าหลงเชื่อข่าวปลอมปั่นป่วนความมั่นคง พร้อมสั่ง ปภ.ช่วยเหลือทุกด้าน ดูแลประชาชนชายแดนอย่างเต็มที่
นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏข้อมูลข่าวสารในสื่อสาธารณะ ระบุว่าหน่วยทหารกองทัพบก มีการขอเรี่ยไรหรือรับการบริจาคเงิน หรือสิ่งของจากภาคประชาชนหรือองค์กรต่างๆ เพื่อนำไปมอบให้ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ชายแดนนั้น กองทัพบกได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยยืนยันว่าหน่วยทหารในกองทัพบกไม่มีนโยบายและการดำเนินการขอรับการบริจาคตามที่ปรากฏข่าวสารแต่อย่างใด เนื่องจากหน่วยทหารของกองทัพบกได้รับการเบิกจ่ายสิ่งอุปกรณ์ตามระบบราชการ และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างเพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ ขอประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงของประเทศ สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งจากการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม พบว่ามีข่าวปลอมจำนวนมากถูกเผยแพร่ผ่านช่องทางออนไลน์ และอย่าหลงเชื่ออินฟลูเอนเซอร์ปลุกปั่น-เพจรับบริจาคลวง ปั่นป่วนชายแดนกระทบความมั่นคง
ทั้งนี้ หากประชาชนหรือหน่วยงานต่างๆ มีความประสงค์จะร่วมส่งกำลังใจ หรือแสดงน้ำใจด้วยการสนับสนุนสิ่งของจำเป็นให้แก่หน่วยทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งขณะนี้มีผู้แสดงความตั้งใจเข้ามาเป็นจำนวนมาก ขณะที่ส่วนกลาง สามารถติดต่อผ่านกรมกิจการพลเรือนทหารบก ภายในกองบัญชาการกองทัพบก เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร โทร. 0-2297-7594
นอกจากนี้ พี่น้องประชาชนคนไทยสามารถส่งสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัยชายแดนไทย-กัมพูชา อาทิ อาหารแห้ง เสื้อผ้า ผ้าห่ม เสื่อ ยารักษาโรค อุปกรณ์ทำความสะอาด ไฟฉาย และของใช้จำเป็นอื่นๆ ไปยัง “ตู้ ปณ. ช่วยผู้ประสบภัยไทย-กัมพูชา” ได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ น้ำหนักไม่เกิน 5 กิโลกรัมต่อกล่อง ส่งฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการศูนย์ ปภ.เขตในพื้นที่ชายแดนระดมสนับสนุนเครื่องจักรกลสาธารณภัย และกำลังเจ้าหน้าที่ เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชนในทุกด้าน และรัฐบาลได้ดำเนินการขอขยายวงเงินทดรองราชการกรณีฉุกเฉิน จากเดิมจังหวัดละ 20 ล้านบาท เป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาท ซึ่งได้รับอนุมัติแล้ว 4 จังหวัด ได้แก่ สุรินทร์ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และศรีสะเกษ ส่วนอีก 3 จังหวัดที่อยู่ระหว่างการเสนอ ได้แก่ จันทบุรี ตราด และสระแก้ว
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า รัฐบาลประสานเปิดช่องทางในการรับบริจาคทางการ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ผ่าน “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่ประสงค์ร่วมช่วยเหลือ ชื่อบัญชี: กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี: 067-0-06895-0 (ยอดเงินบริจาคสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้) ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติม โทร. 0-283-4319, 0-283-4324, 06-3081-4921 หรือเว็บไซต์ www.opm.go.th
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้นำสิ่งของเป็นข้าวกล่องและผัดไทย จำนวน 900 กล่อง และอาหารปรุงสุกอีกจำนวนหนึ่ง อาทิ กุ้งจ่อม ปลาร้าบอง นำมาส่งมอบให้กับนายเอกวัฒน์ พวงประโคน นายอำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อนำไปมอบแจกจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่และผู้นำชุมชนที่ปฏิบัติหน้าที่เฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยในพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา
จังหวัดนครราชสีมา ได้เปิดศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพแล้วจำนวน 5 อำเภอ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ขณะนี้จังหวัดนครราชสีมาได้เปิดศูนย์พักพิงช่วยเหลือผู้อพยพจากเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาแล้วจำนวน 5 อำเภอ มีประชาชนผู้อพยพเดินทางเข้าพักอาศัยชั่วคราวแล้วกว่า 1,000 คน ซึ่งตนได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลเรื่องที่พัก อาหาร น้ำดื่ม และเรื่องต่างๆ ให้กับผู้อพยพอย่างเต็มที่
พร้อมกันนี้ตนยังได้เปิดจวนผู้ว่าราชการจังหวัดให้เป็นศูนย์พักพิงให้กับผู้อพยพที่เป็นกลุ่มเปราะบางได้พักอาศัย เพื่อให้สะดวกในการพบแพทย์ และรักษาพยาบาล ขณะที่โรงแรม 5 แห่งในพื้นที่ก็ได้สำรองห้องพักจำนวน 200 ห้อง ไว้รองรับให้ผู้อพยพได้พักอาศัยด้วย
ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ มีการปล่อยขบวนรถนำสิ่งของบริจาคเครื่องอุปโภคบริโภคและสิ่งของที่จำเป็น นำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยในวันนี้เป็นส่วนของอำเภอเสนางคนิคม จากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชน และประชาชนในพื้นที่อำเภอเสนางคนิคม ร่วมกันบริจาคเงินและเครื่องอุปโภคบริโภค สิ่งของที่จำเป็นสำหรับผู้ประสบภัยในครั้งนี้
ที่หน้าศาลากลางจังหวัดเลย นายชัยพจน์ จรูญพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลย ทำการปล่อยขบวนรถสิ่งของบริจาคจากทุกภาคส่วนจัดส่งให้กับจังหวัดที่อยู่ในการสู้รบ จำนวน 4 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ อุบลราชธานี สุรินทร์ ศรีสะเกษ และบุรีรัมย์.